Wednesday, 31 August 2022

คำศัพท์น่ารู้สำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์





1.中秋节 (zhōng qiū jié)
Mid-Autumn Festival
เทศกาลไหว้พระจันทร์ 

ตัวอย่าง

中秋节是中国的传统节日。 (zhōng qiū jié shì zhōng guó de chuán tǒng jié rì.)
Mid-Autumn Festival is a traditional Chinese festival.
เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลตามประเพณีของจีน






2. 团圆 (tuán yuán)
Reunion
การรวมตัว

ตัวอย่าง

今天是我们家人团圆的日子。 (jīn tiān shì wǒ men jiā rén tuán yuán de rì zi.)
Today is the day of our family reunion.
วันนี้เป็นวันรวมญาติของเรา

3. 月饼 (yuè bǐng)
Mooncake
ขนมไหว้พระจันทร์

ตัวอย่าง

我喜欢吃月饼。 (wǒ xǐ huān chī yuè bǐng.)
I like to eat mooncakes.
ฉันชอบกินขนมไหว้พระจันทร์

4. 灯笼 (dēng lóng)
Lantern
ตะเกียง

ตัวอย่าง

有些儿童在万圣节前夕用南瓜做灯笼。(Yǒuxiē értóng zài wànshèngjié qiánxī yòng nánguā zuò dēnglóng.)
Some children make lanterns out of pumpkins at Halloween. 
เด็กบางคนทำโคมไฟจากฟักทองในวันฮัลโลวีน

5. 后羿 (hòu yì)
Houyi, a Mythological Chinese Figure
โหว้อี้ บุคคลจีนในตำนาน

ตัวอย่าง

后羿是古代传说中的一位英雄。 (hòu yì shì gǔ dài chuán shuō zhōng de yī wèi yīng xióng.)
Houyi is a hero of ancient legends.
โหว้อี้เป็นวีรบุรุษในตำนานโบราณ


6. 嫦娥 (cháng é)
Chang’e, a Chinese Goddess of the Moon
ฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ของจีน

ตัวอย่าง

据说,嫦娥生活在月宫里。 (jù shuō, cháng é shēng huó zài yuè gōng lǐ.)
It’s said that Chang’e lives in the Moon Palace.
ว่ากันว่าฉางเอ๋ออาศัยอยู่บนวังจันทร์

7. 赏月 (shǎng yuè)

To Gaze at the Moon; To Admire the Moon
มองดวงจันทร์ , ชื่นชมพระจันทร์

ตัวอย่าง

很多人都到山上的亭子里去赏月。 (hěn duō rén dōu dào shān shàng de tíng zi lǐ qù shǎng yuè.)
Many people go to mountaintop pavilions to admire the moon.
หลายคนไปที่ศาลาบนยอดเขาเพื่อชมดวงจันทร์

8. 习俗 (xí sú)
Custom; Habit
นิสัย 

ตัวอย่าง

所以自古以来就有在元旦那天祭拜太阳第一次日出的 习俗 。 (Suǒyǐ zìgǔ yǐlái jiù yǒu zài yuándàn nèitiān jì bài tàiyáng dì yī cì rì chū de xísú)
Even today, as in ancient times, people will travel to places where they can worship the first Sunrise of the year.
ดังนั้นตั้งแต่สมัยโบราณจึงมีประเพณีการบูชาพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกในวันขึ้นปีใหม่


9. 节日 (jié rì)
Festival; Holiday
เทศกาล; วันหยุด

ตัวอย่าง

我最喜欢的节日是圣诞节 。( Wǒ zuì xǐhuān de jiérì shì shèngdàn jié.)
My favorite holiday is Christmas Day. 
วันหยุดที่ฉันชอบคือคริสต์มาส

10.月亮 (yuè liàng)
Moon
พระจันทร์ 

ตัวอย่าง

月亮代表我的心。(Yuèliàng dàibiǎo wǒ de xīn.)
The moon represents my heart.
ดวงจันทร์เป็นตัวแทนของหัวใจของฉัน

11.祭祀 (jì sì)
To Offer Sacrifices; To Worship
ถวายเครื่องบูชา; ไปบูชา

ตัวอย่าง

明天,他们要举行祭祀祖先的仪式。 (míng tiān, tā men yào jǔ xíng jì sì zǔ xiān de yí shì.)
Tomorrow, they will be holding a ceremony to offer sacrifices to the ancestors.
พรุ่งนี้จะจัดพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ


12. 农历 (nóng lì)
The Lunar/Traditional Calendar
ปฏิทินจันทรคติ/ดั้งเดิม

ตัวอย่าง

她的生日是每年的农历八月初八。 (tā de shēng rì shì měi nián de nóng lì bā yuè chū bā.)
Her birthday falls on the eighth day of the eighth month of every lunar year.
วันเกิดของเธอตรงกับวันที่แปดของเดือนที่แปดของทุกปีตามจันทรคติ

13. 佳节 (jiā jié)
Festival; Holiday
เทศกาล; วันหยุด

ตัวอย่าง

每逢佳节倍思亲。 (měi féng jiā jié bèi sī qīn.)
Every festival, the yearning for one’s family doubles.
ทุกเทศกาล ความปรารถนาของครอบครัวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า


14. 送礼 (sòng lǐ)
To Give Someone a Gift
ให้ของขวัญใครซักคน

ตัวอย่าง

后天是情人节,你要给我送礼的。 (hòu tiān shì qíng rén jié, nǐ yào gěi wǒ sòng lǐ de. ) It’s Valentine’s Day the day after tomorrow – you have to give me a gift.
พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์ คุณต้องให้ของขวัญฉัน


15.思念 (sī niàn)
To Long for; To Miss; To Think of
โหยหา; คิดถึง

ตัวอย่าง

我很思念远方的亲人。 (wǒ hěn sī niàn yuǎn fāng de qīn rén.)

I really miss my family who is far away. 
ฉันคิดถึงครอบครัวที่อยู่ห่างไกล


16. 传统 (chuán tǒng)

Tradition
ประเพณี 

ตัวอย่าง

孝敬父母,是中国人的优良传统。 (xiào jìng fù mǔ, shì zhōng guó rén de yōu liáng chuán tǒng.)
Being filial to parents is an excellent tradition of the Chinese. 
ความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นประเพณีที่เยี่ยมของจีน

17. 文化 (wén huà)
Culture
วัฒนธรรม

ตัวอย่าง

他是研究中国文化的专家。 (tā shì yán jiū zhōng guó wén huà de zhuān jiā.)
He’s an expert that studies Chinese culture.
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาวัฒนธรรมจีน


18. 亲情 (qīn qíng)
Familial Love; Kinship
ความรักในครอบครัว; เครือญาติ 

ตัวอย่าง

我最看重的是家人间的亲情。 (wǒ zuì kàn zhòng de shì jiā rén jiān de qīn qíng.)
What I value the most is the kinship between family members.
สิ่งที่ฉันให้ความสำคัญมากที่สุดคือความเป็นเครือญาติระหว่างสมาชิกในครอบครัว

นอกจากขนมไหว้พระจันทร์แล้ว มีอะไรให้ทานอีกบ้างในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์?
(
除了月饼,中秋佳节还能吃啥? (Chúle yuèbǐng, zhōngqiū jiājié hái néng chī shà?) 

1. 柚子 (yòuzi)
 Pomelo/Grapefruit
ส้มโอ


2.  莲藕 (lián ǒu)
Lotus root
รากบัว


3. 芋头 (yùtou)
Taro
เผือก

4. 石榴 (Shíliú)
Pomegranate
ทับทิม

5. 南瓜 (nán guā)  
Pimpkin
ฟักทอง 

6. 板栗 (bǎnlì)
Chestnuts
เกาลัด

7. 梨 (lí) 
Pear 
สาลี่

8.西瓜 (xīguā)
Watermelon
แตงโม

9. 鸭 (yā) 
Duck 
เป็ด


10. 螃蟹 (pángxiè)
Crab 
ปู 

11.河蜗牛 (hé wōniú)
River Snails
หอยทากแม่น้ำ


12. 桂花酒 (Guìhuā jiǔ)  
Osmanthus wine
เหล้าสารภีฝรั่ง






Tuesday, 23 August 2022

绿茶婊 (lǜ chá biǎo) - นางชาเขียว ในภาษาจีนคือ ???




绿茶婊 (lǜ chá biǎo)  -  GTB

绿茶婊 lǜ chá biǎo จะแปลตรงตัว่า "นางชาเขียว" แต่จริงๆแล้วสำนวนนี้จะหมายถึง "ผู้หญิงที่ดูแอ๊บแบ๊วซื่อๆใสๆ อ่อนต่อโลก แต่ที่จริงแล้วร่าน" นั้นเองค่ะ  绿茶婊 lǜ chá biǎo จะเป็นภาษาพูดทางอินเทอร์เน็ตค่ะ

绿 (lǜ)
Green
สีเขียว 

茶 (chá)
Tea
ชา  

婊 (biǎo)
Prositute
โสเภณี

ตัวอักษรผสม

绿








ทำไมถึงเป็น ชาเขียว

ชาเขียวนั้นมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์มาก และรสชาติของชาก็เบามาก ดังนั้นจึงใช้เพื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยอุบาย (绿茶本身来说口味很独特,而且茶味很淡,所以说用来代表那些富有心机的女人。)

บุคลิกของ 绿茶婊 (绿茶婊性格  lǜ chá biǎo xìnggé

- 发色不定,齐刘海或者中分(Fā sè bùdìng, qí liúhǎi huòzhě zhōng fēn)
สีผมไม่แน่นอน 
ผมม้าเรียบหรือแสกกลาง 

 - 妆容一般用BB霜 (yībān yòng BB shuāng)
แต่งหน้าโดยทั่วไปใช้บีบีครีม

- 修容粉 (xiū róng fěn)
แป้งคอนทัวร์

- 细眼线, 浅褐色眼影  (xì yǎnxiànqiǎn hésè yǎnyǐng)
อายไลเนอร์เส้นเล็ก อายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อน

- 喜欢逛夜场, 男性朋友非常多 (xǐhuān guàng yèchǎng, nánxìng péngyǒu fēicháng duō)
ชอบไปไนท์คลับ มีเพื่อนผู้ชายมากมาย

- 说话声音微小 (shuōhuà shēngyīn wéixiǎo)
พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

- 对异性非常敏感, 为了自己的利益和野心什么事都能干出来  (duì yìxìng fēicháng mǐngǎn, wèile zìjǐ de lìyì hé yěxīn shénme shì dōu nénggàn chūlái)
อ่อนไหวต่อเพศตรงข้ามมาก ทำทุกอย่างเพื่อความสนใจและความทะเยอทะยาน

绿茶婊 (lǜ chá biǎo) ที่มาที่ไป

คำนี้ "绿茶婊 (lǜ chá biǎo)" เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2013 เนื่องจากเหตุการณ์ใน "Sanya Haitian Feast" ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซานย่า ไหหลำ นางแบบสาวหลายร้อยคนเข้าร่วมงานนี้
ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าหรูหราระดับไฮเอนด์ และ ซุน จิงย่า นางแบบสาวคนหนึ่งถูกมองว่า ทำการค้าที่ "ไม่เหมาะสม" ก็คือเป็นโสเภณีหรือค้าประเวณีกับชนชั้นสูงที่ร่ำรวยของจีน คำว่า "绿茶婊 (lǜ chá biǎo) " ใช้เป็นคำเยาะเย้ย หลังจากนั้น คำว่า "绿茶婊 (lǜ chá biǎo)" ก็กลายมาเป็นที่นิยมบนอินเทอร์เน็ตค่ะ

ศัพท์สแลงนี้อธิบายถึงผู้หญิงที่มuบุคลิกที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์กับผู้ชาย ซึ่งพวกเขาพบว่ามีประโยชน์ในแง่ของเงินหรืออำนาจ แต่ในความเป็นจริง พวกเขาใช้ประโยชน์จากบุคลิกภาพจอมปลอมเพื่อหลอกล่อผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือวัตถุนั้นเองค่ะ  โดยส่วนใหญ่แล้วคำนี้มีความหมายที่ใส่ร้ายต่อผู้อื่น ดังนั้นจึงเป็นคำว่า/ด่า ยรู้ไว้แต่ก็ไม่ควรใช้ว่าใครนะคะ

Reference

https://unsplash.com/photos/t2kAfymBHGY
Photo by rajat sarki on Unsplash

Friday, 19 August 2022

มาออกเสียงภาษาอังกฤษกันค่ะ I พยางค์เงียบที่ไม่ออกเสียงในภาษาอังกฤษ (Silent Syllables)

 





คำบางคำในภาษาอังกฤษจะtไม่ออกเสียงเมื่อเราพูดอย่างรวดเร็ว เราจะเรียกพยางค์ที่ไม่ออกเสียงหรือพยางค์เงียบว่า "Silent Sylables"

พยางค์เงียบสว่นใหญ่จะเจอในคำที่มีสามพยางค์ขึ้นไป โดยมีเสียงสระเบาตามด้วย /l/, /r/ หรือ /n/ การออก

ตัวอย่าง

comfortable /ˈkʌm.fə.tə.bəl/
สบาย 

vegetable 
 /ˈvedʒ.tə.bəl/
ผัก

chocolate /ˈtʃɒkələt/
ช็อคโกแลต 

everyone /ˈevriˌwʌn/
ทุกคน

***
เมื่อเราออกเสียงคำนี้ "every /ˈevri/ " ได้เหลือสองพยางค์แล้ว มันจะช่วยให้เราออกเสียงคำอื่นๆได้มากมายค่ะ ตัวอย่างเช่น
  • everyone /ˈevriˌwʌn/ 
  • everywhere /ˈev.ri.weər/
  • everything /ˈevriˌθɪŋ/ 
  • everyday /ˈevriˌdeɪ/ every /ˈevri/

temperature 
/ˈtem.prə.tʃər/
อุณหภูมิ

interesting /ˈɪn.trə.stɪŋ/
น่าสนใจ

favourite /ˈfeɪ.vər.ɪt/
ที่ชื่นชอบ

family /ˈfæm.əl.i/
ครอบครัว

broccoli  /ˈbrɒk.əl.i/
บรอกโคลี 

restaurant
/ˈres.tər.ɒnt/
ร้านอาหาร

delivery  /dɪˈlɪv.ər.i/
การจัดส่ง

gardener /ˈɡɑː.dən.ər/
คนสวน

especially /ɪˈspeʃ.əl.i/
โดยเฉพาะ

misery 
/ˈmɪz.ər.i/
ความทุกข์ยาก

bakery 
/ˈbeɪ.kər.i/
เบเกอรี่ 

average 
/ˈæv.ər.ɪdʒ/
เฉลี่ย

dictionary /ˈdɪk.ʃən.ər.i/
พจนานุกรม

different /ˈdɪf.ər.ənt/
แตกต่าง

frightening /ˈfraɪ.tən.ɪŋ/
น่ากลัว


Tuesday, 16 August 2022

วิธีพูดว่า "ทุกอย่างมีราคา" ในภาษาจีน (Everything comes with a price in Chinese)



有代价 (yǒu dàijià)

有 (yǒu) 
to have / there is / there are / to exist / to be HSK 1 
มี / มีอยู่ 

代价 (dàijià)
price / cost / consideration (in share dealing)
ราคา / ต้นทุน / ค่าตอบแทน

ตัวอย่าง

在这个世界,每样东西都有价格。
Zài zhège shìjiè, měi yàng dōngxī dū yǒu jiàgé.

In my world everything has a price. 
ในโลกนี้ทุกสิ่งมีราคา

凡事都有代价,天下没有免费的午餐 

Fánshì dōu yǒu dàijià, tiānxià méiyǒu miǎnfèi de wǔcān
Everything has a price there is no free lunch.
ทุกอย่างมีราคาไม่มีอาหารกลางวันฟรี

一切都有价格 
Yīqiè dōu yǒu jiàgé

Everything comes with a price.
ทุกอย่างมีราคา


做任何事情都要付出代价
Zuò rènhé shìqíng dōu yào fùchū dàijià

No one will succeed without paying any cost.
ไม่มีใครประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ


凡事皆有代价,快乐的代价便是痛苦。
Fánshì jiē yǒu dàijià, kuàilè de dàijià biàn shì tòngkǔ.

Everything has its price to pay, and the price of happiness is pain.
ทุกสิ่งมีราคาของมันที่ต้องจ่าย และราคาของความสุขคือความเจ็บปวด

付出代价 (
fùchū dàijià)


付出代价 (fùchū dàijià)

pay the price / pay for
จ่ายราคา / ชดใช้ 


付出 (fùchū)
to pay / to invest (energy or time in a friendship etc) 
จ่าย / ลงทุน (พลังงานหรือเวลาในมิตรภาพ ฯลฯ )


代价 (dàijià)
price / cost / consideration (in share dealing)
ราคา / ต้นทุน / ค่าตอบแทน

โครงสร้าง 为 ... 付出代价 (Wèi... Fùchū dàijià)


ตัวอย่าง


我会让你们都为此付出代价。
Wǒ huì ràng nǐmen dōu wèi cǐ fùchū dàijià.

I'll make you all pay for this.
ฉันจะให้คุณ
ชดใช้ทั้งหมดสำหรับสิ่งนี้


他对我如此无礼,我要叫他为此而付出代价。
Tā duì wǒ rúcǐ wú lǐ, wǒ yào jiào tā wèi cǐ ér fùchū dàijià.

I'll make him pay for being so rude to me.
เขาหยาบคายกับฉันมาก ฉันจะให้เขาชดใช้


他们需要为这次的错误付出代价。
Tāmen xūyào wèi zhè cì de cuòwù fùchū dàijià.

They need to pay the price for the mistake.
พวกเขาต้องจ่ายสำหรับความผิดพลาดนี้


我们都坚信总有一天他会为自己的言行付出代价。
Wǒmen dōu jiānxìn zǒng yǒu yītiān tā huì wèi zìjǐ de yánxíng fùchū dàijià.

We all believe that he will pay the price for his behaviour one day.
เราทุกคนเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะต้องชดใช้ตามความประพฤติของเขา


他会为他的所作所为付出代价的。
Tā huì wèi tā de suǒzuò suǒ wéi fùchū dàijià de.

He will pay for what he did.
เขาจะชดใช้ในสิ่งที่เขาทำ


我的保护是有代价的

Wǒ de bǎohù shì yǒu dàijià de.

My protection comes with a price.
การคุ้มครองของฉันมีราคา

自由,也是要有代价的吧?? 
Zìyóu, yěshì yào yǒu dàijià de ba?

Even freedom has a cost, right?
แม้แต่เสรีภาพก็มีต้นทุนใช่ไหม?


Monday, 15 August 2022

ฉันแคร์คุณ จะไม่พูดว่า I care you!!

 



CARE ABOUT

care about someone/something ใช้เมื่อเรารู้สึกว่าบางคนหรือบางสิ่งมีความสำคัญและจะแปลว่าเป็นห่วงเป็นใยหรือกังวล 

ถ้าเรา care about someone/something แสดงว่าคนนั้นหรือสิ่งนั้นสำคัญกับเรานั้นเองค่ะ

มาดูตัวอย่างกันเลยค่ะ

Don’t you care about what happens to the children?
คุณไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กเหรอ

You know how much I care about you.
คุณก็รู้ว่าฉันห่วงใยคุณมากแค่ไหน

I do care about you. หรือ I care about you.
ฉันเป็นห่วงคุณ (แสดงความห่วงใย) 

*** I care about you จะมีความหมายเหมือนกับ I’m worried about you. หรือ I’m concerned about you. นั้นเองค่ะ

The government professes to care about the poor.
รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะดูแลคนยากจน

I really care about the students in my class.
ฉันห่วงใยนักเรียนในชั้นเรียนมาก

Some people don't care about it.
บางคนก็ไม่สนใจ

I don't care about his opinion.
ฉันไม่สนใจความคิดเห็นของเขา (ไม่ได้สำคัญอะไร)

He doesn't care about anyone but himself.
เขาไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง

CARE FOR

care for someone/something (phrasal verb) 
จะมีความหมายว่า 
1. เอาใจใส่, ดูแล  care for จะเหมือนกับคำว่า "look after"
2. ชอบ/รัก หรือ อยาก/ต้องการ  จะเหมือนกับคำว่า " to love" หรือ  " to adore"

มาดูตัวอย่างกันเลยค่ะ

ตัวอย่างความหมายที่ 1: 
เอาใจใส่, ดูแล

I have to give up my job to care for my elderly mother.
ฉันต้องลาออกจากงานดูแลแม่ที่อายุมากเเล้ว

She enjoyed caring for her baby.
เธอสนุกกับการดูแลลูกของเธอ

A doctor's primary responsibility is to care for her patients.

ความรับผิดชอบหลักของแพทย์คือดูแลผู้ป่วยของเธอ

We need to find someone to care for our children while we are away on holiday.
เราต้องการหาคนที่จะดูแลลูกๆของเราในขณะที่เราไปเที่ยวพักผ่อน

I cared for my sick grandma last winter.

ฉันดูแลยายที่ป่วยในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว

Her elderly parents moved in to live with her, so she could more easily care for them. พ่อแม่ผู้สูงอายุของเธอย้ายไปอยู่กับเธอ ดังนั้นเธอจึงสามารถดูแลพวกเขาได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างความหมายที่ 2: ชอบ/รัก หรือ อยาก/ต้องการ
He really cared for her.
เขาชอบเธอมาก

She made him feel special and cared for.
เธอทำให้เขารู้สึกพิเศษและชอบ
You know how much I care for you.
คุณก็รู้ว่าฉันชอบคุณมากแค่ไหน 
Would you care for a coffee? 
รับกาแฟสักแก้วมั้ยคะ?
Would anyone care for any fruits or desserts?
ใครอยากได้ผลไม้หรือของหวานไหม?
*** Would you care for + something? ใช้พูดแบบเป็นทางการหรือสุภาพ ถามคนอย่างสุภาพว่าต้องการอะไร คุณจะสนใจอีกไหม

Saturday, 13 August 2022

วิธีพูดว่า "ฉันไม่แคร์" และ "ฉันแคร์" ภาษาสวีเดน



วิธีการพูดว่า “ฉันแคร์” หรือ “ฉันไม่แคร์” ในภาษาสวีเดน 

คำว่าแคร์ในภาษาสวีเดนเราจะ ใช้คำว่า “bry mig” คำนี้จะใช้กับคำบุพบท “om” ตามด้วย คำนาม(ที่เป็นคนสิ่งของ)หรือตามด้วยประโยค 

bry mig + om + คำนาม(ที่เป็นคนสิ่งของ) หรือตามด้วยประโยค 

ตัวอย่าง

Jag bryr mig om dig. 
I care about you.
ฉันแคร์หรือฉันเป็นห่วงคุณ

Tror du att jag bryr mig?
Do you think I care?
คุณคิดว่าฉันแคร์เหรอ

För jag bryr mig bara om dig! 
Because I only care about you!
เพราะ
ฉันแคร์เธอเท่านั้น!

และถ้าเราจะพูดว่า "ฉันไม่แคร์" เราก็จะเติมคำว่า "inte" ลงไปในประโยคนั้นเองค่ะ 

ตัวอย่าง 

Jag bryr mig inte ett skit.
I don't give a shit.
กูไม่สนโว้ย

Jag bryr mig inte om vad du har gjort.
I don't care what you have done.
ฉันไม่
แคร์/ไม่สนใจสิ่งที่คุณเคยทำ 

Jag bryr mig inte om vad du har att säga.

I don't care what you have to tell him.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนว่าคุณต้องบอกเขายังไง

Jag bryr mig inte om vad han säger.
I don't care what he says.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด 

Jag bryr mig inte om vad du och flickan har ihop.

I don't care what's between you and the girl. 
ฉันไม่แคร์/ไม่สนว่าระหว่างคุณกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร

จะมีอีกคำหนึ่งที่จะมีความหมายว่าไม่แคร์เหมือนกับคำว่า "bry mig inte" คือ "strunta i" และคำนี้เราสามารถใช้แทนคำว่า "bry mig inte" ได้เลยค่ะ 

"strunta i"
 
คำนี้ก็จะมีความเป็นปฏิเสธในตัวอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเวลาที่เราใช่ว่า "ฉันไม่แคร์" เราก็ไม่จำเป็นจะต้องเติมคำว่า "inte" ในประโยคนั้นเองค่ะ 

เปรียบเทียบ 2 ประโยคนี้

Jag struntar inte i. 
I care.
ฉันแคร์/สนใจ

Jag struntar i.
I don't care.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนใจ

เรามาลองดูตัวอย่างกันการใช้ "strunta i" กันเลยนะคะ 

ตัวอย่าง

Han struntade i att betala hyra och nu blir jag och barnet vräkta.
He neglected to pay rent and now me and the child are being evicted.
เขาละเลย/
ไม่แคร์ที่จะจ่ายค่าเช่าและตอนนี้ฉันและเด็กกำลังจะถูกไล่ออก

J
ag struntar i det.
I don't care about it.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนมันเลย 

Om jag struntar i skylten var slutar det?

If I ignore/don't care that sign where does it end?
ถ้าฉันเพิกเฉย/ไม่สนใจป้ายนั้น มันจะสิ้นสุดที่ไหน? 

Jag struntar i såna detaljer.
I don't concern myself with those little details. 
ฉันไม่กังวล/
ไม่แคร์กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น

Jag struntar i bitchar som du
.
This is why I don't deal with bitches like you.
นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงเลว(แรด)อย่างคุณ

Jag struntar i vems felet är.

I do not care who is responsible.
ไม่สนใจว่าใครรับผิดชอบ



Thursday, 11 August 2022

"ฉันไม่แคร์" นอกเหนือจาก "I don't care" ( Ways to Say I Don't Care)



บางครั้งเราจำเป็นต้องรู้หลายๆแบบหรือหลายๆวิธีในการพูดบางสิ่ง การรู้สำนวนต่างๆ ทำให้เราสื่อสารกับเจ้าของภาษาหรือผู้พูดภาษาอังกฤษขั้นสูงได้ง่ายขึ้นมากค่ะ

เราลองมาดูวิธีที่จะพูดว่า "ฉันไม่แคร์" นอกเหนือจาก "I don't care"


1. I don't care at all.

เราใช้ "at all (เลย)" เพื่อเน้นว่าเราไม่สนใจเลย

A) Mary can't come to the party.
A) แมรี่ไม่สามารถมางานปาร์ตี้ได้ 
B) I don't care at all.
B) ฉันไม่สนใจเลย

I don't care at all about her. / 
I don't care about her at all.
ฉันไม่สนใจเธอเลย 


2. I couldn't care less.

I couldn't care less. ถ้าแปลตรงตัวว่า "ฉันแคร์น้อยกว่านี้ไม่ได้" ซึ่งจะความหมายว่า "ไม่แคร์เลย" หรือเราอนจะพูดว่า I could care less. ซึ่งจะแปลตรงตัวว่า ฉันแคร์น้อยกว่านี้ได้ แต่ถ้าพูดแบบนี้ก็ยังสื่อความหมายเดียวกันว่า "ฉันไม่แคร์เลย" นั้นเองค่ะ

A) My house is bigger than your house.
A) บ้านของฉันใหญ่กว่าบ้านของคุณ
B) I couldn't care less.
B) ฉันไม่แคร์เลย

A) You didn't win the contest.
A) คุณไม่ได้ชนะการแข่งขัน
B) I couldn't care less.
B) ฉันไม่แคร์เลย

A) My car is faster than your car.
A) รถของฉันเร็วกว่ารถของคุณ 
B) I couldn't care less.
B) ฉันไม่แคร์เลย

***เรายังสามารถเพิ่ม "
noun clauses" หรือ "about" ตอนท้าย

I couldn't care less if she doesn't come.
ฉันไม่สนหรอกว่าถ้าเธอไม่มา

I could not care less what she said.
ฉันไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด

I couldn't care less about the results.
ฉันไม่สนใจเกี่ยวกับผลลัพธ์


3. It doesn't matter to me.

"It doesn't matter to me" คำนี้จะแปลว่า "
 ฉันไม่แคร์ มันไม่สำคัญกับฉัน"

A) Do you want Ice-cream or waffles?
A) คุณต้องการไอศกรีมหรือวาฟเฟิล 
B) It doesn't matter to me. You decide.
B) มันไม่สำคัญสำหรับฉัน คุณตัดสินใจเลย. 

A) Where do you want to go?
A) คุณต้องการไปที่ไหน
B) It doesn't matter to me. You pick.
B) มันไม่สำคัญสำหรับฉัน คุณเลือกเลย

***เรายังสามารถเพิ่ม "noun clauses" ตอนท้ายได้ด้วย

It doesn't matter to me where we go.
มันไม่สำคัญสำหรับฉันที่เราจะไป

It doesn't matter to me if it rains. 
ไม่เป็นไรสำหรับฉันถ้าฝนตก

It doesn't matter to me who wins.
ไม่สำคัญสำหรับฉันใครชนะ


4. I don't give a damn.

I don’t give a damn แปลว่า “ฉันไม่สนหรอก, ฉันไม่แคร์, ช่างมันสิ”  ถ้าแปลหยาบๆ คือ "กุไม่แคร์" นั้นเองค่ะ

I don’t give a damn จะคล้ายกับวลี
I don't give a crap. (กุไม่แคร์ )
I don't give fuck. (กุไม่แคร์ / ช่างแม่มม )  อันนี้มันจะฟังดูหยาบกว่า 
I don't give a shit. (กุไม่แคร์ ไอ้สั_)  อันนี้มันจะฟังดูหยาบกว่า 


A) Are you following the election?
A) คุณติดตามการเลือกตั้งหรือไม่
B) I don't give a damn about the election.
B) กุไม่แคร์เรื่องการเลือกตั้ง 

A) You might get in trouble if you do that.
A) คุณอาจประสบปัญหาหากคุณทำเช่นนั้น 
B) I don't give a damn.
B) กุไม่แคร์

Sometimes, It’s necessary to say “I don’t give a fuck” to make your life get going.
บางครั้ง มันก็จำเป็นที่ต้องพูดว่า “ช่างมัน ฉันไม่แคร์” เพื่อให้ชีวิตคุณเดินต่อไปได้ 


5. Who cares?

"Who cares?" ใช้อย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น ในการสนทนากับคนที่เรารู้จัก แปลง่ายๆก็คือ "ใครสนล่ะ"

Who cares what you think?
ใครสนสิ่งที่คุณคิด

She can't carry a tune, but who cares? She's having fun and that's what matters.
เธอไม่สามารถแต่งเพลงได้ แต่ใครจะสนล่ะ! เธอสนุกกับมันและนั่นคือสิ่งที่สำคัญ 

Who cares what she says? We'll do it our way.
ใครสนใจสิ่งที่เธอพูด เราจะทำมันในแบบของเรา


6. So what?

"So what?" 
แปลสั้นๆง่ายๆว่า “แล้วไงล่ะ" นี่เป็นวิธีง่ายๆ ในการแสดงว่าเราไม่สนใจหรือคิดว่าบางอย่างก็ไม่สำคัญ วลีนี้ถือได้ว่าเป็นวลีที่ค่อนข้างหยาบคาย ดังนั้นเราควรใช้เฉพาะกับเพื่อนหรือคนสนิท และแม้ว่าเราจะใช้กับเพื่อน ๆ เราก็ควรใช้ในลักษณะล้อเล่นจะดีกว่านะคะ มาล่ะ?

A) I won the game.
A) ฉันชนะเกม 
B) So what?
B) แล้วไง

A) Gosh! You will be 50 next week.
A) เอ้ย! คุณจะอายุ 50 ปีในสัปดาห์หน้า
B ) I'll be 50 next week. So what?
B ) ฉันจะอายุ 50 ปีในสัปดาห์หน้า แล้วไง

A) If you eat a lot of cookies, you will gain weight.
A) ถ้าคุณกินคุกกี้มาก คุณจะอ้วน 
B) So what?
B) แล้วไง

***เรายังสามารถเพิ่ม "if- statement" ได้ด้วยค่ะ

A) The boss might see you playing games on your computer.
A) เจ้านายอาจเห็นคุณเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ของคุณ 
B) So what if he sees me?
B) แล้วถ้าเขาเห็นฉันล่ะ

A) She won't come.
A) เธอจะไม่มา 
B) So what if she doesn't come?
B) เธอไม่มา แล้วไง

Who cares what day you do the grocery shopping as long as you buy the food. — Who cares if it's vegetarian food as long as it's free. — "Did you know your sister got first place in her swimming race?"  "No, who cares?" — "I'm going to tell Mom that you're watching TV instead of doing your homework." "So, who cares!"


7.It's not my problem.

It’s not my problem. หนึ่งในวิธีการพูด "I don't care" ถ้าแปลตรงตัว "มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน" It’s not my problem ก็จะหมายถึง มันไม่ใช่ปัญหาของฉันทำไมฉันจะต้องไปแคร์มันด้วย สำหรับประโยคนี้ก็ให้ความรู้สึกแบบใจร้ายนิดนึง 555

Well, I’m sorry you feel that way, but I’m afraid it’s not my problem.
ฉันขอโทษที่คุณรู้สึกแบบนั้น แต่ฉันเกรงว่ามันไม่ใช่ปัญหาของฉัน 

Why don't you let them worry about it? It's not your problem.
ทำไมคุณไม่ปล่อยให้พวกเขากังวลเกี่ยวกับมัน? มันไม่ใช่ปัญหาของคุณ 

Don't tell me you don't have time to do your homework.It's not my problem.
อย่าบอกฉันว่าคุณไม่มีเวลาทำการบ้าน มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน 


8.This may not be worth my time.

"This may not be worth my time" หรือ "It's not worth my time" หนึ่งในวิธีการพูด "I don't care" แบบสุภาพ ถ้าแปลง่ายๆความหมายคือ "ฉันไม่แคร์นี้มันไม่คุ้มค่ากับเวลาของฉัน"

"This may not be worth my time" ใช้ได้ดีเมื่อเราต้องการใช้คำว่า “may” เพื่อให้ความหวังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แม้ว่าคุณจะไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาถามถึงก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็จะให้ความหวังว่าไมาใช้เราไม่สนใจเลน แม้ว่าเราจะคิดว่ามันไร้สาระก็ตาม

Oh, this may not be worth my time at all. I’m sorry, but I think you should find someone else. 
โอ้ นี่อาจไม่คุ้มกับเวลาของฉันเลย ฉันขอโทษ แต่ฉันคิดว่าคุณควรหาคนอื่น 

After spending a few minutes looking at this, I’ve decided that this may not be worth my time after all.
หลังจากใช้เวลาสองสามนาทีดูสิ่งนี้ ฉันก็ตัดสินใจว่านี่อาจไม่คุ้มกับเวลาของฉันเลย

This may not be worth my time.I'll see what I can do.
นี้มันไม่คุ้มค่ากับเวลาของฉัน ฉันจะดูว่าฉันจะทำอะไรได้นะ


9. I care very little about this.

"I care very little about this." ประโยคนี้ใช้ "care" เหมือนกับ "I don't care." 

Oh, I care very little about this. I was only at this meeting because I was forced to come. 
โอ้ ฉันไม่ได้แคร์เรื่งนี้เลย ฉันมาประชุมเพียงเพราะถูกบังคับให้มา 

I care very little about this, and I don’t see why talking about it will help any of us improve our company situation.
ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ และฉันไม่เห็นว่าเหตุการพูดถึงเรื่องนี้จะช่วยให้ทุกคนปรับปรุงสถานการณ์ของบริษัทได้ 

I care very little about this, and I think you should raise this point with your superiors.
ฉันไม่ได้แคร์เรื่งนี้เลย และฉันคิดว่าคุณควรยกประเด็นนี้กับหัวหน้าของคุณ

แอนหวังว่าคำเหล่านี้เพื่อนๆจะนำไปใช้เพื่อขยายความรู้คำศัพท์ในภาษาอังกฤษและช่วยให้ทุกคนได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษไปอีกระดับ อย่าลืมใช้วลีหรือสำนวนเหล่านี้ในครั้งต่อไปที่พูดภาษาอังกฤษนะคะ

Monday, 8 August 2022

อยากย้ายไปสวีเดนแต่ยังไม่มีงานทำ จะทำยังไง? ทำได้มั้ย? วีซ่าแบบใหม่

 



Thai Version

ต้องการย้ายไปสวีเดนแต่ยังไม่มีงานทำ จะทำยังไง? ทำได้มั้ย?

ต้องขอบคุณสวีเดนที่ออกวีซ่าหางานในปีนี้ 2022 สำหรับบุคคลที่มีการศึกษาปริญญาโท ปริญญาเอก ระดับอาชีวศึกษาขั้นสูงหรืออาชีพเฉพาะทาง วีซ่านี้จะใช้ในการหางานทำหรือเริ่มต้นธุรกิจในสวีเดนนั้นเองค่ะ ด้วยวีซ่าตัวนี้เราสามารถเข้าไปหางานในประเทศสวีเดนได้อย่างน้อย 3 เดือนและสูงสุด 9 เดือน

มาดูข้อกำหนดด้านล่างกันเลยค่ะ

ข้อกำหนดสำหรับการขอวีซ่า (Requi­re­ments for a jobseeker visa application)

  • คุณต้องมีระดับการศึกษาขั้นสูง (ปริญญาโท ปริญญาเอก ระดับอาชีวศึกษาขั้นสูง/อาชีพเฉพาะทาง) 
  • มีความตั้งใจที่จะหางานทำหรือมองหาความเป็นไปได้ในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณเองในสวีเดน 
  • สามารถหาเลี้ยงตัวเองทางการเงินได้ตลอดระยะเวลาที่พักอาศัย (อย่างน้อย 13,000 SEK (4,5000บาท+ +  ต่อเดือน)
  • มีประกันสุขภาพแบบครอบคลุม 
  • มีหนังสือเดินทางที่ถูกต้อง (a valid passport)
  • ยังไม่ได้อาศัยอยู่ในสวีเดน

***อะไรนับเป็นการศึกษาระดับขั้นสูง? 
สำหรับระดับจะนับเป็นระดับสูง จะต้องสอดคล้องกับปริญญาโท 60 หน่วยกิต ปริญญาโท 120 หน่วยกิต ระดับวิชาชีพมูลค่า 60-330 หน่วยกิต หรือระดับสูงกว่าปริญญาตรี/ปริญญาเอก ในใบสมัครของคุณ คุณต้องแนบหนังสือยินยอมที่ให้สิทธิ์แก่สภาการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งสวีเดน (UHR) ในการติดต่อสถาบันอุดมศึกษาในประเทศบ้านเกิดของคุณเพื่อตรวจสอบเอกสารทางการศึกษาของคุณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะส่งเอกสารของคุณไปที่ UHR เพื่อให้พวกเขาสามารถประเมินระดับการศึกษาของคุณได้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับระดับปริญญาของคุณได้ก่อนที่คุณจะทำการสมัคร การคิดเครดิต https://www.scholaro.com/gpa-calculator/Sweden

เมื่อส่งใบสมัคร จะต้องแสดงจดหมายที่อนุญาตให้สภาการอุดมศึกษาแห่งสวีเดน (UHR) ติดต่อสถาบันการศึกษาของคุณเพื่อตรวจสอบเอกสารทางการศึกษาที่ส่งมา (ดาวน์โหลดหนังสือยินยอม)

***การทำประกันสุขภาพแบบครอบคลุมคืออะไร?
การประกันสุขภาพแบบครอบคลุมเป็นประกันที่ครอบคลุมการดูแลฉุกเฉินและการรักษาพยาบาลอื่นๆ การรักษาในโรงพยาบาลในสวีเดน การดูแลทันตกรรม และการส่งตัวกลับประเทศไทยด้วยเหตุผลทางการแพทย์ สิ่งสำคัญคือต้องมีหลักฐานว่าการประกันนั้นใช้ได้ตลอดระยะเวลาพำนักในสวีเดน

รายชื่อเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการยื่นขอวีซ่าเพื่อหางานทำในสวีเดนมีดังนี้ค่ะ

  • สำเนาดิจิทัลของหน้าหนังสือเดินทางของคุณที่แสดงข้อมูลส่วนบุคคล ภาพถ่าย ลายเซ็น หมายเลขหนังสือเดินทาง ประเทศที่ออก อายุการใช้งาน แสตมป์เข้าประเทศ และหากคุณได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศต้นทางของคุณ(อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ สำเนาจะต้องมีลักษณะเช่นนี้)
  • สำเนาดิจิทัลของใบรับรองจบการศึกษา (digital copies of examination certificate)
  • สำเนาดิจิทัลของผลการเรียนอย่างเป็นทางการของบันทึกการศึกษาที่แสดงหลักสูตรที่รวมอยู่ในการศึกษาของคุณ
  • สำเนาดิจิทัลของใบแจ้งยอดธนาคารหรือเอกสารอื่นๆ แบบดิจิทัลที่แสดงว่าคุณมีเงินทุนเพียงพอที่จะเลี้ยงดูตนเองในช่วงเวลาที่คุณใช้วีซ่าอยู่ในสวีเดน หากจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางหรือเทียบเท่าเพื่อนำเงินออกจากประเทศของคุณ คุณต้องรวมใบอนุญาตดังกล่าวด้วย
  • สำเนาดิจิทัลของเอกสารที่แสดงว่าคุณมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมซึ่งใช้ได้กับการดูแลในสวีเดน
  • สำเนาดิจิทัลของหนังสือยินยอมที่ลงนามซึ่งให้สิทธิ์แก่สภาการอุดมศึกษาแห่งสวีเดน (UHR) ในการติดต่อสถาบันอุดมศึกษาในประเทศบ้านเกิดของคุณเพื่อตรวจสอบเอกสารการศึกษาของคุณ (ดาวน์โหลดหนังสือยินยอม)

ข้อควรทราบ: 

สวีเดนไม่อนุญาตให้นำสมาชิกในครอบครัวมาด้วยในวีซ่าประเภทนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณหางานทำได้ คุณสามารถยื่นขอวีซ่าทำงาน (Work Permit Visa) ซึ่งจะทำให้สมาชิกในครอบครัวสามารถเข้าร่วมกับคุณในสวีเดนได้ 

ก่อนส่งใบสมัคร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในเอกสารที่คุณแนบนั้นมองเห็นชัดเจน ข้อมูลสำคัญเช่นชื่อของคุณต้องปรากฏในเอกสาร เอกสารควรแปลเป็นภาษาสวีเดนหรือภาษาอังกฤษโดยนักแปลที่มี License หากออกเป็นภาษาอื่น ควรแนบเอกสารที่แปลแล้ว นอกจากนี้ควรแนบสำเนาเอกสารต้นฉบับไว้เสมอ (เช่น หลักฐานประกันสุขภาพ ใบแจ้งยอดจากธนาคาร ฯลฯ)
คุณต้องมีหนังสือเดินทางที่ถูกต้อง
ส่งสำเนาหน้าในหนังสือเดินทางของคุณที่แสดงข้อมูลส่วนบุคคล ภาพถ่าย ลายเซ็น หมายเลขหนังสือเดินทาง ประเทศที่ออก อายุการใช้งานอย่างชัดเจน และหากคุณได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องมีหน้าหนังสือเดินทางฉบับเต็มอยู่บนสำเนา ตัวเลขและอักขระที่ด้านบนสุดและด้านล่างสุดของหน้าต้องมองเห็นได้ชัดเจน หนังสือเดินทางจะต้องถูกต้องตามเวลาที่คุณจะอยู่ในสวีเดนด้วยนะค่ะ ดูตัวอย่าง คุณต้องแนบสำเนาหน้าในหนังสือเดินทางของคุณซึ่งแสดง

คุณต้องส่งแบบฟอร์มและเอกสารแนบที่สถานทูตสวีเดนหรือสถานกงสุลใหญ่ในประเทศที่คุณพำนัก หากไม่สามารถสมัครในประเทศของคุณได้ คุณต้องสมัครที่สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ที่อยู่ใกล้กับประเทศที่คุณอาศัยอยู่มากที่สุด ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ก่อนส่งใบสมัครของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม 

หากคุณสมัครที่สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ คุณต้องชำระค่าธรรมเนียมเมื่อส่งใบสมัครของคุณ ณ ที่นั้น สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม ให้ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลนั้น เนื่องจากแต่ละที่ค่าธรรมเนียมจะไม่เหมือนกันเพราะบางที่เป็น Agency ตรวจสอบสถานทูตสวีเดนที่ www.swedenabroad.se

***หากสมัครใน e-service ไม่ได้ คุณควรกรอกแบบฟอร์มใบอนุญาตนี้ แบบฟอร์มที่นี่  และสามารถชำระค่าธรรมเนียมการสมัครด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตได้

การตัดสินใจ
หากคุณได้วีซ่า คุณจะได้รับบัตร Residence Permit Card เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณได้วีซ่าให้อยู่ในสวีเดนเพื่อหางานหรือเริ่มธุรกิจและบัตร Residence Permit Card จะมีลายนิ้วมือและรูปถ่ายของคุณรวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ด้วยนั้นเองค่ะ

***โปรดทราบว่าคุณต้องสมัครและรับใบอนุญาตก่อนเดินทางไปสวีเดน 

หากคุณได้งานในสวีเดนหรือเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง
ในช่วงที่มีวีซ่าหางาน สวีเดนจะไม่อนุญาตให้ทำงาน แต่ถ้าคุณหางานได้แล้ว คุณต้องยื่นขอใบอนุญาตหรือวีซ่าทำงาน (Work Permit VISA) ก่อนเพื่อที่จะเริ่มทำงานได้นั้นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเริ่มทำงานได้ทันทีหลังจากที่ยื่นคำขอใบอนุญาตหรือวีซ่าทำงาน (Work Permit Visa) 

NOTE: คุณจะต้องหางานในวิชาชีพที่คุณได้ยื่นขอใบอนุญาตหรือวีซ่าหางานเท่านั้นนะคะ


English Version

Looking to move to Sweden but don’t have a job offer yet? Thanks to the new Swedish job seeker visa, for highly quali­fied persons to look for work or start a busi­ness, can enter Sweden for minimum 3 months and up to 9 months to look for employment or start your own business. 

Let’s have a look at the requirements below

New requirements for jobseeker visa application

  • You need to have an advanced degree (master’s degree, PhD, advanced vocational degree/professional degree)
  • Have the intention of seeking employment or looking into the possibility of starting your own business in Sweden
  • Be able to support yourself financially during the entire residence period (at least SEK13,000 (US$ ~1,275+) per month)
  • Have a comprehensive health insurance
  • Have a passport that is valid for the entirety of the intended stay
  • Be located outside of Sweden
Note: It is not possible to bring any family members with you on this permit. However, if you find employment you can apply for a work permit which will allow family members to join you in Sweden. It is not permitted to work on the job seeker permit. If you find employment you need to apply for a work permit in order to start working. However, you are permitted to start working immediately after the work permit application has been submitted (you do not need to wait for it to be approved).

What counts as a comprehensive health insurance?
A comprehensive health insurance is one that covers emergency care and other medical care, hospitalisation, dental care, and repatriation for medical reasons. Generally, a good and comprehensive travel insurance will cover these things. It is important to have proof that the insurance is valid for the entire residence period.

Requi­re­ments for using the e-service In order to make an application, you will need

  • digital copies of the pages in your passport that show your personal data, photo, signature, passport number, issuing country, period of validity, entry stamps and if you have permission to live in countries other than your country of origin (read more about what the copies must look like)
  • digital copies of examination certificate
  • digital copies of official transcript of academic record that shows the courses included in your education
  • digital copies of bank statements or other documents showing that you have sufficient funds to support yourself during the period for which you are applying for a residence permit. If permission from a central bank or the equivalent is required to take out the money from your country, you must include such a permit
  • digital copies of documents showing that you have comprehensive health insurance that is valid for care in Sweden
  • digital copy of a signed letter of consent that gives the Swedish Council for Higher Education (UHR) the right to contact higher education institutions in your home country to verify your educational documents (download letter of consentPdf, 1.3 MB, opens in new window.)
  • be able to pay any fee for the application by credit card or debit card.
You may need to trans­late some docu­ments If your examination certificate and official transcript are issued in a language other than Swedish or English, they have to be translated into Swedish or English. The translation must be done by an authorised translator. Enclose copies of the original documents and the translated documents to your application

Before you complete your appli­ca­tion

Make sure that the information on the documents you attach is clearly visible. Important information such as your name must appear in the documents. The documents should also be translated into Swedish or English by an authorised public translator, if they are issued in another language. When attaching a translated document, you should always provide a copy of the original document. The documents should be as recently issued as possible (proof of insurance, bank statements and any translations). You must have a valid passport

Send copies of the pages in your passport that show personal data, photo, signature, passport number, issuing country, period of validity and if you have permission to live in countries other than your home country. It is important that the full passport pages are present on the copies. Numbers and characters at the very top and bottom of the pages must also be clearly visible. The passport must be valid for the time that you will be in Sweden.

You must enclose copies of the pages in your passport which show:

  • personal data
  • period of validity
  • country of issue
  • signature
  • if you are authorised to live in countries other than your country of origin.
If you can not apply in the e-service, fill the form here Application Form
You must submit the form and attached documents at a Swedish embassy or consulate-general in your country of residence. If it is not possible to apply in your country, you must apply at the embassy or consulate-general that is closest to the country where you live. Contact the embassy or consulate-general before submitting your application for more information. If you are applying at an embassy or a consulate-general you pay the fee when handing in your application. For information regarding the fee, contact the embassy in question or the consulate as they do not follow the same fee regulations as the Swedish Migration Agency.

Once we have received your appli­ca­tion
Once you have submitted an application for a residence permit, the Swedish Migration Agency takes a decision about the case. The permit may be granted for a minimum of three months and for no more than nine months

After the deci­sion
If you get a permit for more than three months, you will receive a residence permit card. The card is proof that you have permission to be in Sweden and contains your fingerprints and a photo of you, among other information. 

If you do not need an entry visa, you should make an appointment to provide fingerprints and be photographed after arriving in Sweden. However, please note that you need to apply for and receive your permit before you travel to Sweden. 

***If you have been granted a residence permit to seek employment or investigate the conditions for starting a business, you are not allowed to work while you are in Sweden.

If you get a job in Sweden or start your own busi­ness
If you get a job in Sweden during the permit period, you can apply for a work permit from within the country. You are not allowed to start working before you have applied for the new permit (work permit). 

Once you have applied for a work permit, you will be able to work while the Swedish Migration Agency processes your new application. You are only allowed to work for the employer and in the profession for which you have applied for a permit. 


Popular Post