Sunday, 20 July 2025

บทเรียนเรื่องเสียงสูง-ต่ำในภาษาอังกฤษ (Intonation: Rising & Falling)


แบบฝึกหัด: Rising or Falling Intonation

Intonation คืออะไร?
Intonation (เสียงวรรณยุกต์) คือ การที่เสียงของเราสูงหรือต่ำขึ้นในประโยคเมื่อเราพูดออกมา
เสียงสูงต่ำเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจว่าเรากำลังสื่ออะไร เช่น ถาม บอก สั่ง หรือรู้สึกอย่างไร

Rising Intonation (เสียงสูง ↗️)

เสียงสูงขึ้นเมื่อพูดจบประโยค

ใช้ในสถานการณ์ต่อไปนี้:

Yes/No Questions (คำถามที่ตอบได้ด้วยใช่/ไม่ใช่)

Is that true?
Do you agree?
Are you hungry?

คำขอร้อง / ความสุภาพ

Could you help me?
Would you mind closing the window?

แสดงความไม่มั่นใจ / แปลกใจ

You’re free today?
You're done already?

ประโยคบอกเล่าที่เปลี่ยนเป็นคำถาม (เสียงสูงตอนท้าย = สงสัย)

Your name is John?
He’s your teacher?

การทักทายทั่วไป
Good morning.
Good evening.

การเกริ่นนำ / เรียกความสนใจ
As we know, industry today doesn’t exist in those days.

การลิสต์รายการ (หมวดหมู่สิ่งของ)
I love reading, swimming, and listening to music.

Falling Intonation (เสียงต่ำ ↘️)

เสียงลดต่ำเมื่อพูดจบประโยค

ใช้ในสถานการณ์ต่อไปนี้:

ประโยคบอกเล่า

It’s pretty good.
I cannot do that.
She works at a bank.

Wh- Questions (คำถามที่ขึ้นต้นด้วย What, Where, When, Who, Why, How)

When do you usually go to school?
What time is it?
Where is my phone?

คำสั่งที่ต้องการเน้นหรือจริงจัง

Don’t annoy me this time!
Start it now!

👉 (การเน้นคำผิดอาจทำให้ความหมายเปลี่ยน เช่น
Don’t ANNOY meDon’t annoy ME)


🎯 การเน้นเสียง (Stress) เพื่อเปลี่ยนความหมายของประโยค

ประโยคตัวอย่างใหม่:
🗨️ “I didn’t say she took my book.”
(ฉันไม่ได้พูดว่าเธอเอาหนังสือของฉันไป)

ลองดูว่าถ้าเราเน้นเสียงที่คำแต่ละคำ ความหมายจะเปลี่ยนไปอย่างไร:

การเน้นเสียง

ความหมายที่สื่อ

I didn’t say she took my book.

ไม่ใช่ฉันนะที่พูด อาจเป็นคนอื่นที่พูด

I didn’t say she took my book.

ฉันไม่ได้พูดเลย อาจมีคนคิดว่า แต่ฉันไม่ได้พูด

I didn’t say she took my book.

ฉันไม่ได้ พูด อาจจะพิมพ์ หรือเขียน หรือใบ้

I didn’t say she took my book.

ไม่ใช่ เธอ ที่เอาไป อาจเป็นคนอื่น

I didn’t say she took my book.

เธออาจไม่ได้ ขโมย แต่แค่ยืม หรือหยิบไปโดยบังเอิญ

I didn’t say she took my book.

หนังสือที่เอาไปไม่ใช่ของฉัน เป็นของคนอื่น

I didn’t say she took my book.

เธออาจจะเอาอย่างอื่นไป ไม่ใช่หนังสือ (เช่น ปากกา)


สรุป
  • เสียงสูง (Rising) = ใช้กับประโยคที่ต้องการถาม, สงสัย, ทักทาย หรือเน้นรายการ

  • เสียงต่ำ (Falling) = ใช้กับประโยคบอกเล่า, คำถาม Wh-, คำสั่ง และการขอบคุณ

  • การ “เน้นเสียง” ยังสามารถเปลี่ยนความหมายของประโยคได้โดยสิ้นเชิง



Friday, 18 April 2025

6 วันอีสเตอร์ในสวีเดน + คำศัพท์ Påsk ที่คนสวีเดนใช้จริง! 🐣✨



PHOTO: Priscilla Du Preez

วันนี้แอนจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับเทศกาลที่ทั้งน่ารัก สดใส แล้วก็เต็มไปด้วยวัฒนธรรมสไตล์สวีดิชนั่นก็คือ Påsk หรือ อีสเตอร์ของสวีเดน นั่นเองค่า 🐣💛

ไม่ใช่แค่วันหยุดธรรมดานะคะ
เพราะอีสเตอร์ในสวีเดนมีทั้งตำนานแม่มด เด็กแต่งตัวแจกการ์ดเหมือนฮาโลวีน
มีคำศัพท์สนุก ๆ และความเชื่อทางศาสนาที่น่าสนใจอีกด้วย!

สวีเดนฉลอง Påsk ทำไมกันนะ?

ประเทศสวีเดนฉลองอีสเตอร์ (Påsk) ส่วนใหญ่เพราะพื้นฐานความเชื่อทางศาสนาคริสต์ค่ะ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทศกาลนี้ก็กลายเป็นการผสมผสานระหว่าง ศาสนา, ฤดูกาล, และ วัฒนธรรมแบบสวีดิช ที่น่ารักสุด ๆ

🕊️ รากฐานจากศาสนา
อีสเตอร์คือเทศกาลที่ชาวคริสต์รำลึกถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู
“Easter is the day Christians believe that Jesus rose from the dead, three days after he was crucified on Good Friday.”
ในสวีเดนจะเรียกวันศุกร์นี้ว่า Långfredagen (ลอง-เฟรดาเกน)
และวันอาทิตย์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์ว่า Påskdagen (พอสก์-ดาเกน) ค่ะ 🙏


🐣 6 วันสำคัญของเทศกาลอีสเตอร์ในสวีเดน

  1. Palmsöndagen (พาล์ม-เซิน-ดาเกน) = Palm Sunday
    วันอาทิตย์ก่อนอีสเตอร์ เป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์

  2. Skärtorsdagen (แชร์-โทช์-ดาเกน) = Maundy Thursday
    วันที่เด็ก ๆ จะแต่งตัวเป็นแม่มดน้อย (Påskkärring) และเดินแจกการ์ดน่ารัก ๆ

  3. Långfredagen (ลอง-เฟรดาเกน) = Good Friday
    วันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน เป็นวันที่เงียบสงบและรำลึกถึงความเสียสละ

  4. Påskafton (พอสก์-อัฟตอน) = Easter Eve
    วันเสาร์ก่อนอีสเตอร์ ครอบครัวจะจัดกิจกรรม ล่าไข่ ตกแต่งบ้าน อบอุ่นมากค่ะ

  5. Påskdagen (พอสก์-ดาเกน) = Easter Sunday
    วันเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู สดใสทั่วประเทศเลยค่ะ

  6. Annandag Påsk (อันนันดัก พอสก์) = Easter Monday
    วันหยุดพิเศษสำหรับพักผ่อน ปิดท้ายเทศกาลอย่างสงบ

✏️ 10 คำศัพท์ Påsk ที่ควรรู้ 

Påsk (พอสก์) = อีสเตอร์

Glad Påsk! (กลอด พอสก์) = สุขสันต์วันอีสเตอร์!

Påskägg (พอสก์-เอก) = ไข่อีสเตอร์

Godis (กู๊ด-ดิส) = ขนม 

PHOTO: nordstjernan.com

Påskkärring (พอสก์-แชร์-ริง) = แม่มดน้อยวันอีสเตอร์
 


PHOTO: Nellie Adamyan

Fjädrar (เฟียด-ดราร์) = ขนนก

Kyckling
(ชึก-กลิง) = ลูกเจี๊ยบ

PHOTO: gratisvykort.se

Äggjakt (แอก-ยัคท์) = การล่าไข่อีสเตอร์

PHOTO: Nellie Adamyan

Häxa
(เฮ็ก-ซา) = แม่มด

Skärtorsdag (แวร์-ทูร์ส-ดัก) = วันพฤหัสก่อนอีสเตอร์

Blåkulla (บลอ-คุล-ลา) = เกาะแม่มดลึกลับที่แม่มดบินไปในตำนาน


วัฒนธรรมที่น่ารักช่วงอีสเตอร์

นอกจากวันสำคัญต่าง ๆ แล้ว… สิ่งที่ทำให้ Påsk ในสวีเดนพิเศษมากคือวัฒนธรรมที่น่ารักค่ะ

  1. การแต่งตัวเป็น Påskkärring (พอสก์-แชร์ริง)

เด็กผู้หญิงจะแต่งตัวเป็นแม่มดน้อยแบบโบราณ นุ่งกระโปรง ผูกผ้าคลุมหัว วาดกระแดง ๆ บนหน้า
แล้วเดินไปเคาะประตูบ้านแจกการ์ดและขอขนม เหมือนฮาโลวีนเวอร์ชันอบอุ่นของสวีเดนเลยค่ะ 🍬🎨

PHOTO: lindasmatstuga.se
  1. ตำนานแม่มดกับเกาะ Blåkulla

คนสวีเดนโบราณเชื่อว่าในคืนวันพฤหัสฯ (Skärtorsdag) แม่มดจะขี่ไม้กวาดบินไปยังเกาะลึกลับชื่อ Blåkulla เพื่อไปพบกับปีศาจ! 🧙‍♀️
ผู้คนในอดีตถึงกับจุดไฟ ปิดหน้าต่าง ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อป้องกันพลังชั่วร้ายเลยค่ะ
เดี๋ยวนี้กลายเป็นประเพณีแสนคิวท์ของเด็ก ๆ แทน 💛

  1. กิจกรรมที่ขาดไม่ได้: การเพ้นท์ไข่ (Måla påskägg)

อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตคือการเพ้นท์ไข่สีสดใส หรือ Måla påskägg ค่ะ
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในบ้านจะเพ้นท์ลวดลายสวย ๆ ใส่ลงในตะกร้าหรือใช้ตกแต่งบ้าน
เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและสร้างสรรค์สุด ๆ 🎨🥚

PHOTO: Bianca Ackermann

เปรียบเทียบกับไทยนิดนึง

ช่วงอีสเตอร์ในสวีเดนตรงกับสงกรานต์ของไทยค่ะ
แต่ต่างกันสุด ๆ! เพราะที่ไทยเล่นน้ำกันสนุก แต่ที่สวีเดนยังหนาวอยู่! ❄️
แต่อารมณ์รวมครอบครัวและความอบอุ่นคล้ายกันเลยค่ะ 💛

แอนชอบช่วงนี้มากเลยค่ะ เพราะได้เห็นเด็กแต่งตัวน่ารัก ได้สัมผัสบรรยากาศอีสเตอร์ที่อบอุ่น และเรียนรู้วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใครแล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะ

Hur brukar ni fira påsk?  (ฮูร์ บรู-คาร์ นี ฟี-รา พอสก์)
เพื่อน ๆ ฉลองอีสเตอร์กันยังไงบ้าง? 

คอมเมนต์ใต้คลิปนี้ได้น้าา

🎉 Glad Påsk! ค่ะ 


Wednesday, 20 November 2024

คำบุพบทบ่งบอกเวลา "i 5 minuter," "om 5 minuter," และ "på 5 minuter" มีความหมายแตกต่างกันยังไง

สวัสดีค่ะทุกคน  วันนี้แอนจะมาพูดถึงการใช้คำบุพบทบ่งบอกเวลา i om และ på ในภาษาสวีเดนที่บางคนอาจจะสับสนกันอยู่ค่ะ ตัวอย่างเช่น "i 5 minuter," "om 5 minuter," และ "på 5 minuter" ทั้งสามแบบนี้ใช้พูดถึงเรื่อง "เวลา" แต่มีความหมายแตกต่างกัน เรามาดูกันเลยค่ะว่าคำบุพบทบ่งบอกเวลา 3 ตัวนี้มีวิธีใช้ยังไงค่ะ

I 5 minuter -ระยะเวลาที่เกิดขึ้น

คำว่า i + เวลา ใช้เพื่อบอก ระยะเวลาที่เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ว่านานเท่าไหร่ โดยไม่จำเป็นต้องหมายถึงว่าทำจนเสร็จ เหมือนคำว่า "เป็นเวลา" ในภาษาไทย คำถามที่พบบ่อยในรูปแบบนี้ เช่น Hur länge? หรือ Hur lång tid?

ตัวอย่าง

Hon tränade i 5 minuter innan hon blev trött.(Träningspasset pågick i 5 minuter.)
เธอฝึกฝนเป็นเวลา 5 นาทีจนกระทั่งรู้สึกเหนื่อย 

Jag går en promenad i 5 minuter varje dag. 
ฉันเดินเล่นเป็นเวลา 5 นาทีทุกวัน 

Hon pratade i 5 minuter. 
(Samtalet varade i 5 minuter.) 
เธอพูดคุยเป็นเวลา 5 นาที

Vi ska gå en promenad i 5 minuter idag.
เราจะเดินเล่นเป็นเวลา 5 นาทีวันนี้

Barnen lekte i parken i 5 minuter innan det började regna. (De lekte under en tidsperiod på 5 minuter. 
เด็กๆ เล่นในสวนเป็นเวลา 5 นาทีก่อนที่ฝนจะตก

Jag väntade på bussen i 5 minuter. (Du stod och väntade under en tidsperiod på 5 minuter.) 
ฉันรอรถบัสเป็นเวลา 5 นาที

De pratade i telefon i 5 minuter. 
พวกเขาคุยโทรศัพท์กันเป็นเวลา 5 นาที (คุยโทรศัพท์กันนาน 5 นาที)

Jag har bott här i två år.
ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 ปีแล้ว 
คุณกำลังพูดถึงระยะเวลาที่คุณอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้

Vi ska vara här i en vecka.
เราจะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 1 สัปดาห์ (เราจะอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์) 

Jag arbetar i fem timmar varje dag.
ฉันทำงานเป็นเวลา 5 ชั่วโมงทุกวัน (การทำงานใช้เวลานาน 5 ชั่วโมงทุกวัน) 

Vi tränar i en timme varje morgon.
เราฝึกซ้อมเป็นเวลา 1 ชั่วโมงทุกเช้า 

Jag ska ut och springa i 30 minuter på kvällen. 
ฉันจะออกไปวิ่งตอนเย็นเป็นเวลา 30 นาที 

Imorgon ska jag träna i 2 timmar.
พรุ่งนี้ฉันจะออกกำลังกายเป็นเวลา 2 ชั่วโมง

Vi ska vara här i en vecka.
เราจะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 1 สัปดาห์

De har varit gifta i tio år. 
พวกเขาแต่งงานกันมา 10 ปีแล้ว

Vi ska resa till Paris i tre dagar.
เราจะเดินทางไปปารีสเป็นเวลา 3 วัน

Jag tränade på gymmet i en timme.
ฉันออกกำลังกายที่ยิมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง (
การออกกำลังกายที่ยิมใช้เวลา 1 ชั่วโมง
)

Om 5 minuter -เวลาในอนาคตที่จะเกิดขึ้น

"om" เวลา – หมายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังจากช่วงเวลาหนึ่ง

คำว่า om + เวลา ใช้เพื่อบอกว่า อีกกี่นาทีข้างหน้าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น เหมือนคำว่า "อีก..." ในภาษาไทย คำนี้ใช้ในสถานการณ์ที่เกี่ยวกับ เหตุการณ์ในอนาคต ค่ะ

Används när du vill säga att något kommer att hända efter en viss väntetid.

ตัวอย่าง

Mötet börjar om 5 minuter. (Mötet startar 5 minuter från nu. )
การประชุมจะเริ่มอีก 5 นาที (การประชุมจะเริ่มหลังจาก 5 นาทีผ่านไป 

Filmen börjar om 5 minuter.
หนังจะเริ่มในอีก 5 นาที 

Vi går om 5 minuter.
เราจะออกเดินทางในอีก 5 นาที 

Vi åker hem om 5 minuter. (Ni kommer att åka hem 5 minuter från nu.)
ราจะกลับบ้านในอีก 5 นาที 

Bussen kommer om 5 minuter. (Bussen anländer om 5 minuter.)
รถบัสจะมาถึงในอีก 5 นาที

Vi åker hem om 5 minuter. 
เราจะกลับบ้านอีก 5 นาที (อีก 5 นาทีจากนี้จะกลับบ้าน)

Han kommer tillbaka om 5 minuter. 
เขาจะกลับมาอีก 5 นาที

Vi åker till Thailand om 2 veckor.
เราจะไปประเทศไทยอีก 2 สัปดาห์ (เราจะไปหลังจากเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์จากตอนนี้)

Han börjar sitt nya jobb om 2 veckor.
เขาจะเริ่มงานใหม่อีก 2 สัปดาห์ (เขาจะเริ่มงานหลังจากอีก 2 สัปดาห์)

Kursen slutar om 2 veckor.
คอร์สจะจบลงอีก 2 สัปดาห์ (อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าคอร์สจะสิ้นสุด)

Vi ska flytta till ett nytt hus om 2 veckor.
เราจะย้ายไปบ้านใหม่อีก 2 สัปดาห์ (หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์เราจะย้าย)


På 5 minuter -เวลาที่ใช้ในการทำสิ่งหนึ่งจนเสร็จ

"på" + เวลาใช้บอกระยะเวลาที่ใช้ในการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เสร็จ

คำว่า  + เวลา ใช้เพื่อบอกว่า ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเสร็จ เหมือนคำว่า "ภายใน..." หรือ "ใช้เวลา..." ในภาษาไทย จะใช้ในการถามคำถามในภาษาสวีเดนที่เกี่ยวข้อง เช่น Hur lång tid ( att göra något, från början till slut)? หรือ Hur snabbt?ว่า  hur . eller hur fort? Hur snabbt

ตัวอย่าง

Hon lagade maten på 5 minuter.  
ธอทำอาหารเสร็จภายใน 5 นาที

Jag kan duscha på 5 minuter. 
ฉันสามารถอาบน้ำ
ภายใน 5 นาที

Jag skrev mejlet på 5 minuter.  
ฉันเขียนอีเมลเสร็จภายใน 5 นาที

Han byggde huset på tre månader. 
เขาสร้างบ้านเสร็จภายในเวลา 3 เดือน

De byggde upp tältet på 5 minuter. 
เขากางเต็นท์เสร็จภายใน 5 นาที 

Barnen städade rummet på 5 minuter. 
เด็กๆ ทำความสะอาดห้องเสร็จภายใน 5 นาที

Vi gjorde läxorna på en timme. 
เราทำการบ้านเสร็จใน 1 ชั่วโมง (การบ้านเสร็จสิ้นภายในเวลา 1 ชั่วโมง)


สรุป

  • i: ใช้บอกระยะเวลาที่ทำสิ่งหนึ่ง นานเท่าไร
    ตัวอย่าง: Jag har bott här i två år.
    ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 ปีแล้ว

  • om: ใช้บอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต
    ตัวอย่าง: Vi ses om en vecka.
    เราจะเจอกัน ในอีกหนึ่งสัปดาห์

  • : ใช้บอกว่า ใช้เวลานานเท่าไหร่ ในการทำสิ่งหนึ่งจนเสร็จ
    ตัวอย่าง: Jag läste boken på en vecka.
    ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้เสร็จ ภายใน 1 สัปดาห์


Note:

ประโยค "Om 5 minuter, ska jag träna i 30 minuter" แปลว่า:

"อีก 5 นาที ฉันจะออกกำลังกายเป็นเวลา 30 นาที"

การวิเคราะห์:

  • Om 5 minuter
    หมายถึง "อีก 5 นาที" ใช้เพื่อแสดงเวลาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

  • Ska jag träna
    แปลว่า "ฉันจะออกกำลังกาย"
    คำว่า ska ใช้ในความหมายว่า "จะ" หรือ "ตั้งใจจะทำบางสิ่งในอนาคต"

  • i 30 minuter
    หมายถึง "เป็นเวลา 30 นาที"
    คำว่า i ใช้เพื่อระบุระยะเวลาที่ใช้ทำกิจกรรมบางอย่าง

ถ้าใครยังมีคำถาม หรืออยากให้แอนอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างไหน สามารถคอมเมนต์มาถามได้เลยนะคะ  แอนยินดีตอบทุกคำถามค่ะ



Monday, 18 November 2024

คำสรรพนามภาษาสวีเดน Pronomen -Subjekt (ประธาน)/ Objekt (กรรม)


สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมาเรียนรู้คำสรรพนามในภาษาสวีเดนกันค่ะ คำสรรพนามเป็นส่วนสำคัญมากในการพูดและเขียนภาษา  วันนี้เราจะพูดถึง Subjektpronomen หรือคำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค และ Objektspronomen หรือคำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค พร้อมตัวอย่างประโยคสำหรับแต่ละคำค่ะ! พร้อมหรือยังคะ? ไปเริ่มกันเลย!

Subjektpronomen (คำสรรพนามประธาน)


คำเหล่านี้ใช้เมื่อเราพูดถึงคน สัตว์ หรือสิ่งของที่เป็น ผู้กระทำ ในประโยคค่ะ เช่น

Jag äter frukost. (ฉันกินอาหารเช้า) 

De skrattar tillsammans. (พวกเขาหัวเราะด้วยกัน)


Objektspronomen (คำสรรพนามกรรม)


คำเหล่านี้ใช้เมื่อเราพูดถึงคน สัตว์ หรือสิ่งของที่ ได้รับการกระทำ ค่ะ เช่น

Han älskar henne.
เขารักเธอ

De pratar med oss.
พวกเขาคุยกับพวกเรา

ตัวอย่างทุกคำสรรพนามในบริบทเดียวกัน

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ทั้ง Subject และ Object Pronouns ในประโยคเดียวกัน 
 
Jag hjälper dig.
ฉันช่วยคุณ

Du ser honom.
คุณเห็นเขา

Han älskar henne.
เขารักเธอ

Vi väntar på er.
พวกเรารอพวกคุณ

De känner oss.
พวกเขารู้จักเรา

Note
อย่าลืมนะคะว่า den และ det ใช้ตามเพศของคำนามค่ะ:

Den: ใช้กับคำนามเพศ en:

Jag ser en hund.
ฉันเห็นสุนัข

Jag ser den.
ฉันเห็นมัน

Det: ใช้กับคำนามเพศ ett:
 
Jag köper ett hus.

ฉันซื้อบ้าน

Jag köper det.
ฉันซื้อมัน

วันนี้ทุกคนได้เรียนรู้คำสรรพนามในภาษาสวีเดนทั้งประธานและกรรม พร้อมตัวอย่างครบทุกคำแล้วนะคะ อย่าลืมฝึกใช้ในชีวิตประจำวันนะคะ 


Saturday, 16 November 2024

สำนวนภาษาสวีเดน "ทำแบบไหน ก็ได้แบบนั้น" Som man bäddar får man ligga


สำนวนภาษาสวีเดน Som man bäddar får man ligga แปลตรงตัวได้ว่า ปูเตียงอย่างไร ก็ต้องนอนอย่างนั้น ซึ่งในเชิงความหมายเปรียบเทียบ หมายถึง การที่คนเราต้องรับผิดชอบผลลัพธ์จากการกระทำของตนเอง หรือ ทำแบบไหน ก็ได้แบบนั้น นั่นเอง

การใช้ในชีวิตประจำวัน

สำนวนนี้มักใช้ในบริบทที่ต้องการสื่อถึงผลลัพธ์ที่เกิดจากการกระทำหรือการตัดสินใจของตัวเอง เช่น
ถ้าคุณทำงานหนัก คุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี
ถ้าคุณละเลยหรือไม่ใส่ใจในสิ่งใด คุณก็จะได้รับผลที่ไม่ดีเช่นกัน

ตัวอย่าง

Om du inte pluggar till provet, ja, som man bäddar får man ligga. 
ถ้าคุณไม่อ่านหนังสือสอบ ก็ต้องรับผลที่ตามมา

Han valde själv att ljuga, och nu får han ta konsekvenserna. Som man bäddar får man ligga. 
เขาเลือกที่จะโกหกเอง ตอนนี้เขาก็ต้องรับผลที่ตามมา

แนวคิดที่คล้ายกันในภาษาไทยในภาษาไทย สำนวนที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ได้แก่
หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
สำนวนนี้จึงสะท้อนแนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองได้อย่างชัดเจนค่ะ 😊

Thursday, 7 September 2023

ความแตกต่าง Do you have the time? กับ Do you have time? ความหมายไม่เหมือนกันนะ

 

ใช่ค่ะ! ประโยค Do you have the time? กับ Do you have time? มีความหมายต่างกันชัดเจน ดังนี้:
 
Do you have the time? 
ความหมาย: ตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว ที่มี “the” ในการเจาะจงเวลา ณ ตอนนั้น คล้ายกับการถามด้วยประโยค “What time is it?” “What’s the time?” “What time do you have?” ใช้ถามคนอื่นว่าเขาสามารถบอกเวลาปัจจุบันให้ได้หรือเปล่า 

คำว่า the time ในที่นี้หมายถึง เวลาปัจจุบัน เช่น 8 โมงเช้า  หรือ 3 โมงเย็น 

ตัวอย่าง

Excuse me, do you have the time? 
ขอโทษค่ะ คุณมีเวลาไหม?
 
Do you have time? 
ความหมาย: คุณพอจะมีเวลาไหม (สำหรับทำบางสิ่งบางอย่าง)  ใช้ถามว่าอีกฝ่ายมีเวลาว่างหรือไม่ อาจเป็นการขอให้ช่วยอะไรบางอย่าง คล้าย ๆ กับการถามด้วยประโยค “Are you free?”
คำว่า time ในที่นี้หมายถึง เวลาว่าง หรือ ความพร้อม

ตัวอย่าง

Do you have time to talk? 
คุณมีเวลาคุยไหม?

Do you have time to help me with this project? 
คุณมีเวลาช่วยฉันทำโปรเจกต์นี้ไหม?
 
สรุป 
the time = เวลาปัจจุบัน 
time = เวลาว่าง 
 

Thursday, 24 August 2023

”tar det lugnt” på thailändska ( How to say ”take it easy” in Thai?)


Vi säger "jai yen yen" när vi vill att någon ska lugna sig, ta det lugnt, inte bli arg, inte vara upphetsad, nervös eller inte ha bråttom att göra något. 

Jai betyder ett hjärta och yen är adjektiv betyder kallt och mest adjektiv brukar vi säga det två gånger. därför säger vi "Jai YenYen" glöm inte att vara Jai yen yen vises nästa gång

We say 'jai yen yen' when we would like someone to calm down, take it easy, not get angry, not be excited, not be nervous, or not be in a hurry to do something. 'Jai' means 'heart,' and 'yen' is an adjective meaning 'cold,' and with most adjectives, we usually repeat them, which is why we say 'Jai Yen Yen.' 

Don't forget to be 'Jai Yen Yen' wise next time."

เราพูดว่า 'ใจเย็นๆ' เมื่อเราต้องการให้ใครสักคนใจเย็น ไม่โกรธ ไม่ตื่นเต้น ไม่ประหม่า หรือไม่รีบทำอะไร 'ใจ' แปลว่า 'heart' และ 'เย็น' เป็นคำคุณศัพท์ที่มีความหมายว่า 'cold' และสำหรับคำคุณศัพท์ส่วนใหญ่ เรามักจะพูดซ้ำ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงพูดว่า 'ใจเย็นๆ'

Popular Post