Saturday, 13 August 2022

วิธีพูดว่า "ฉันไม่แคร์" และ "ฉันแคร์" ภาษาสวีเดน



วิธีการพูดว่า “ฉันแคร์” หรือ “ฉันไม่แคร์” ในภาษาสวีเดน 

คำว่าแคร์ในภาษาสวีเดนเราจะ ใช้คำว่า “bry mig” คำนี้จะใช้กับคำบุพบท “om” ตามด้วย คำนาม(ที่เป็นคนสิ่งของ)หรือตามด้วยประโยค 

bry mig + om + คำนาม(ที่เป็นคนสิ่งของ) หรือตามด้วยประโยค 

ตัวอย่าง

Jag bryr mig om dig. 
I care about you.
ฉันแคร์หรือฉันเป็นห่วงคุณ

Tror du att jag bryr mig?
Do you think I care?
คุณคิดว่าฉันแคร์เหรอ

För jag bryr mig bara om dig! 
Because I only care about you!
เพราะ
ฉันแคร์เธอเท่านั้น!

และถ้าเราจะพูดว่า "ฉันไม่แคร์" เราก็จะเติมคำว่า "inte" ลงไปในประโยคนั้นเองค่ะ 

ตัวอย่าง 

Jag bryr mig inte ett skit.
I don't give a shit.
กูไม่สนโว้ย

Jag bryr mig inte om vad du har gjort.
I don't care what you have done.
ฉันไม่
แคร์/ไม่สนใจสิ่งที่คุณเคยทำ 

Jag bryr mig inte om vad du har att säga.

I don't care what you have to tell him.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนว่าคุณต้องบอกเขายังไง

Jag bryr mig inte om vad han säger.
I don't care what he says.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด 

Jag bryr mig inte om vad du och flickan har ihop.

I don't care what's between you and the girl. 
ฉันไม่แคร์/ไม่สนว่าระหว่างคุณกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร

จะมีอีกคำหนึ่งที่จะมีความหมายว่าไม่แคร์เหมือนกับคำว่า "bry mig inte" คือ "strunta i" และคำนี้เราสามารถใช้แทนคำว่า "bry mig inte" ได้เลยค่ะ 

"strunta i"
 
คำนี้ก็จะมีความเป็นปฏิเสธในตัวอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเวลาที่เราใช่ว่า "ฉันไม่แคร์" เราก็ไม่จำเป็นจะต้องเติมคำว่า "inte" ในประโยคนั้นเองค่ะ 

เปรียบเทียบ 2 ประโยคนี้

Jag struntar inte i. 
I care.
ฉันแคร์/สนใจ

Jag struntar i.
I don't care.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนใจ

เรามาลองดูตัวอย่างกันการใช้ "strunta i" กันเลยนะคะ 

ตัวอย่าง

Han struntade i att betala hyra och nu blir jag och barnet vräkta.
He neglected to pay rent and now me and the child are being evicted.
เขาละเลย/
ไม่แคร์ที่จะจ่ายค่าเช่าและตอนนี้ฉันและเด็กกำลังจะถูกไล่ออก

J
ag struntar i det.
I don't care about it.
ฉันไม่แคร์/ไม่สนมันเลย 

Om jag struntar i skylten var slutar det?

If I ignore/don't care that sign where does it end?
ถ้าฉันเพิกเฉย/ไม่สนใจป้ายนั้น มันจะสิ้นสุดที่ไหน? 

Jag struntar i såna detaljer.
I don't concern myself with those little details. 
ฉันไม่กังวล/
ไม่แคร์กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น

Jag struntar i bitchar som du
.
This is why I don't deal with bitches like you.
นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงเลว(แรด)อย่างคุณ

Jag struntar i vems felet är.

I do not care who is responsible.
ไม่สนใจว่าใครรับผิดชอบ



Thursday, 11 August 2022

"ฉันไม่แคร์" นอกเหนือจาก "I don't care" ( Ways to Say I Don't Care)



บางครั้งเราจำเป็นต้องรู้หลายๆแบบหรือหลายๆวิธีในการพูดบางสิ่ง การรู้สำนวนต่างๆ ทำให้เราสื่อสารกับเจ้าของภาษาหรือผู้พูดภาษาอังกฤษขั้นสูงได้ง่ายขึ้นมากค่ะ

เราลองมาดูวิธีที่จะพูดว่า "ฉันไม่แคร์" นอกเหนือจาก "I don't care"


1. I don't care at all.

เราใช้ "at all (เลย)" เพื่อเน้นว่าเราไม่สนใจเลย

A) Mary can't come to the party.
A) แมรี่ไม่สามารถมางานปาร์ตี้ได้ 
B) I don't care at all.
B) ฉันไม่สนใจเลย

I don't care at all about her. / 
I don't care about her at all.
ฉันไม่สนใจเธอเลย 


2. I couldn't care less.

I couldn't care less. ถ้าแปลตรงตัวว่า "ฉันแคร์น้อยกว่านี้ไม่ได้" ซึ่งจะความหมายว่า "ไม่แคร์เลย" หรือเราอนจะพูดว่า I could care less. ซึ่งจะแปลตรงตัวว่า ฉันแคร์น้อยกว่านี้ได้ แต่ถ้าพูดแบบนี้ก็ยังสื่อความหมายเดียวกันว่า "ฉันไม่แคร์เลย" นั้นเองค่ะ

A) My house is bigger than your house.
A) บ้านของฉันใหญ่กว่าบ้านของคุณ
B) I couldn't care less.
B) ฉันไม่แคร์เลย

A) You didn't win the contest.
A) คุณไม่ได้ชนะการแข่งขัน
B) I couldn't care less.
B) ฉันไม่แคร์เลย

A) My car is faster than your car.
A) รถของฉันเร็วกว่ารถของคุณ 
B) I couldn't care less.
B) ฉันไม่แคร์เลย

***เรายังสามารถเพิ่ม "
noun clauses" หรือ "about" ตอนท้าย

I couldn't care less if she doesn't come.
ฉันไม่สนหรอกว่าถ้าเธอไม่มา

I could not care less what she said.
ฉันไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด

I couldn't care less about the results.
ฉันไม่สนใจเกี่ยวกับผลลัพธ์


3. It doesn't matter to me.

"It doesn't matter to me" คำนี้จะแปลว่า "
 ฉันไม่แคร์ มันไม่สำคัญกับฉัน"

A) Do you want Ice-cream or waffles?
A) คุณต้องการไอศกรีมหรือวาฟเฟิล 
B) It doesn't matter to me. You decide.
B) มันไม่สำคัญสำหรับฉัน คุณตัดสินใจเลย. 

A) Where do you want to go?
A) คุณต้องการไปที่ไหน
B) It doesn't matter to me. You pick.
B) มันไม่สำคัญสำหรับฉัน คุณเลือกเลย

***เรายังสามารถเพิ่ม "noun clauses" ตอนท้ายได้ด้วย

It doesn't matter to me where we go.
มันไม่สำคัญสำหรับฉันที่เราจะไป

It doesn't matter to me if it rains. 
ไม่เป็นไรสำหรับฉันถ้าฝนตก

It doesn't matter to me who wins.
ไม่สำคัญสำหรับฉันใครชนะ


4. I don't give a damn.

I don’t give a damn แปลว่า “ฉันไม่สนหรอก, ฉันไม่แคร์, ช่างมันสิ”  ถ้าแปลหยาบๆ คือ "กุไม่แคร์" นั้นเองค่ะ

I don’t give a damn จะคล้ายกับวลี
I don't give a crap. (กุไม่แคร์ )
I don't give fuck. (กุไม่แคร์ / ช่างแม่มม )  อันนี้มันจะฟังดูหยาบกว่า 
I don't give a shit. (กุไม่แคร์ ไอ้สั_)  อันนี้มันจะฟังดูหยาบกว่า 


A) Are you following the election?
A) คุณติดตามการเลือกตั้งหรือไม่
B) I don't give a damn about the election.
B) กุไม่แคร์เรื่องการเลือกตั้ง 

A) You might get in trouble if you do that.
A) คุณอาจประสบปัญหาหากคุณทำเช่นนั้น 
B) I don't give a damn.
B) กุไม่แคร์

Sometimes, It’s necessary to say “I don’t give a fuck” to make your life get going.
บางครั้ง มันก็จำเป็นที่ต้องพูดว่า “ช่างมัน ฉันไม่แคร์” เพื่อให้ชีวิตคุณเดินต่อไปได้ 


5. Who cares?

"Who cares?" ใช้อย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น ในการสนทนากับคนที่เรารู้จัก แปลง่ายๆก็คือ "ใครสนล่ะ"

Who cares what you think?
ใครสนสิ่งที่คุณคิด

She can't carry a tune, but who cares? She's having fun and that's what matters.
เธอไม่สามารถแต่งเพลงได้ แต่ใครจะสนล่ะ! เธอสนุกกับมันและนั่นคือสิ่งที่สำคัญ 

Who cares what she says? We'll do it our way.
ใครสนใจสิ่งที่เธอพูด เราจะทำมันในแบบของเรา


6. So what?

"So what?" 
แปลสั้นๆง่ายๆว่า “แล้วไงล่ะ" นี่เป็นวิธีง่ายๆ ในการแสดงว่าเราไม่สนใจหรือคิดว่าบางอย่างก็ไม่สำคัญ วลีนี้ถือได้ว่าเป็นวลีที่ค่อนข้างหยาบคาย ดังนั้นเราควรใช้เฉพาะกับเพื่อนหรือคนสนิท และแม้ว่าเราจะใช้กับเพื่อน ๆ เราก็ควรใช้ในลักษณะล้อเล่นจะดีกว่านะคะ มาล่ะ?

A) I won the game.
A) ฉันชนะเกม 
B) So what?
B) แล้วไง

A) Gosh! You will be 50 next week.
A) เอ้ย! คุณจะอายุ 50 ปีในสัปดาห์หน้า
B ) I'll be 50 next week. So what?
B ) ฉันจะอายุ 50 ปีในสัปดาห์หน้า แล้วไง

A) If you eat a lot of cookies, you will gain weight.
A) ถ้าคุณกินคุกกี้มาก คุณจะอ้วน 
B) So what?
B) แล้วไง

***เรายังสามารถเพิ่ม "if- statement" ได้ด้วยค่ะ

A) The boss might see you playing games on your computer.
A) เจ้านายอาจเห็นคุณเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ของคุณ 
B) So what if he sees me?
B) แล้วถ้าเขาเห็นฉันล่ะ

A) She won't come.
A) เธอจะไม่มา 
B) So what if she doesn't come?
B) เธอไม่มา แล้วไง

Who cares what day you do the grocery shopping as long as you buy the food. — Who cares if it's vegetarian food as long as it's free. — "Did you know your sister got first place in her swimming race?"  "No, who cares?" — "I'm going to tell Mom that you're watching TV instead of doing your homework." "So, who cares!"


7.It's not my problem.

It’s not my problem. หนึ่งในวิธีการพูด "I don't care" ถ้าแปลตรงตัว "มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน" It’s not my problem ก็จะหมายถึง มันไม่ใช่ปัญหาของฉันทำไมฉันจะต้องไปแคร์มันด้วย สำหรับประโยคนี้ก็ให้ความรู้สึกแบบใจร้ายนิดนึง 555

Well, I’m sorry you feel that way, but I’m afraid it’s not my problem.
ฉันขอโทษที่คุณรู้สึกแบบนั้น แต่ฉันเกรงว่ามันไม่ใช่ปัญหาของฉัน 

Why don't you let them worry about it? It's not your problem.
ทำไมคุณไม่ปล่อยให้พวกเขากังวลเกี่ยวกับมัน? มันไม่ใช่ปัญหาของคุณ 

Don't tell me you don't have time to do your homework.It's not my problem.
อย่าบอกฉันว่าคุณไม่มีเวลาทำการบ้าน มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน 


8.This may not be worth my time.

"This may not be worth my time" หรือ "It's not worth my time" หนึ่งในวิธีการพูด "I don't care" แบบสุภาพ ถ้าแปลง่ายๆความหมายคือ "ฉันไม่แคร์นี้มันไม่คุ้มค่ากับเวลาของฉัน"

"This may not be worth my time" ใช้ได้ดีเมื่อเราต้องการใช้คำว่า “may” เพื่อให้ความหวังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แม้ว่าคุณจะไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาถามถึงก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็จะให้ความหวังว่าไมาใช้เราไม่สนใจเลน แม้ว่าเราจะคิดว่ามันไร้สาระก็ตาม

Oh, this may not be worth my time at all. I’m sorry, but I think you should find someone else. 
โอ้ นี่อาจไม่คุ้มกับเวลาของฉันเลย ฉันขอโทษ แต่ฉันคิดว่าคุณควรหาคนอื่น 

After spending a few minutes looking at this, I’ve decided that this may not be worth my time after all.
หลังจากใช้เวลาสองสามนาทีดูสิ่งนี้ ฉันก็ตัดสินใจว่านี่อาจไม่คุ้มกับเวลาของฉันเลย

This may not be worth my time.I'll see what I can do.
นี้มันไม่คุ้มค่ากับเวลาของฉัน ฉันจะดูว่าฉันจะทำอะไรได้นะ


9. I care very little about this.

"I care very little about this." ประโยคนี้ใช้ "care" เหมือนกับ "I don't care." 

Oh, I care very little about this. I was only at this meeting because I was forced to come. 
โอ้ ฉันไม่ได้แคร์เรื่งนี้เลย ฉันมาประชุมเพียงเพราะถูกบังคับให้มา 

I care very little about this, and I don’t see why talking about it will help any of us improve our company situation.
ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ และฉันไม่เห็นว่าเหตุการพูดถึงเรื่องนี้จะช่วยให้ทุกคนปรับปรุงสถานการณ์ของบริษัทได้ 

I care very little about this, and I think you should raise this point with your superiors.
ฉันไม่ได้แคร์เรื่งนี้เลย และฉันคิดว่าคุณควรยกประเด็นนี้กับหัวหน้าของคุณ

แอนหวังว่าคำเหล่านี้เพื่อนๆจะนำไปใช้เพื่อขยายความรู้คำศัพท์ในภาษาอังกฤษและช่วยให้ทุกคนได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษไปอีกระดับ อย่าลืมใช้วลีหรือสำนวนเหล่านี้ในครั้งต่อไปที่พูดภาษาอังกฤษนะคะ

Monday, 8 August 2022

อยากย้ายไปสวีเดนแต่ยังไม่มีงานทำ จะทำยังไง? ทำได้มั้ย? วีซ่าแบบใหม่

 



Thai Version

ต้องการย้ายไปสวีเดนแต่ยังไม่มีงานทำ จะทำยังไง? ทำได้มั้ย?

ต้องขอบคุณสวีเดนที่ออกวีซ่าหางานในปีนี้ 2022 สำหรับบุคคลที่มีการศึกษาปริญญาโท ปริญญาเอก ระดับอาชีวศึกษาขั้นสูงหรืออาชีพเฉพาะทาง วีซ่านี้จะใช้ในการหางานทำหรือเริ่มต้นธุรกิจในสวีเดนนั้นเองค่ะ ด้วยวีซ่าตัวนี้เราสามารถเข้าไปหางานในประเทศสวีเดนได้อย่างน้อย 3 เดือนและสูงสุด 9 เดือน

มาดูข้อกำหนดด้านล่างกันเลยค่ะ

ข้อกำหนดสำหรับการขอวีซ่า (Requi­re­ments for a jobseeker visa application)

  • คุณต้องมีระดับการศึกษาขั้นสูง (ปริญญาโท ปริญญาเอก ระดับอาชีวศึกษาขั้นสูง/อาชีพเฉพาะทาง) 
  • มีความตั้งใจที่จะหางานทำหรือมองหาความเป็นไปได้ในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณเองในสวีเดน 
  • สามารถหาเลี้ยงตัวเองทางการเงินได้ตลอดระยะเวลาที่พักอาศัย (อย่างน้อย 13,000 SEK (4,5000บาท+ +  ต่อเดือน)
  • มีประกันสุขภาพแบบครอบคลุม 
  • มีหนังสือเดินทางที่ถูกต้อง (a valid passport)
  • ยังไม่ได้อาศัยอยู่ในสวีเดน

***อะไรนับเป็นการศึกษาระดับขั้นสูง? 
สำหรับระดับจะนับเป็นระดับสูง จะต้องสอดคล้องกับปริญญาโท 60 หน่วยกิต ปริญญาโท 120 หน่วยกิต ระดับวิชาชีพมูลค่า 60-330 หน่วยกิต หรือระดับสูงกว่าปริญญาตรี/ปริญญาเอก ในใบสมัครของคุณ คุณต้องแนบหนังสือยินยอมที่ให้สิทธิ์แก่สภาการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งสวีเดน (UHR) ในการติดต่อสถาบันอุดมศึกษาในประเทศบ้านเกิดของคุณเพื่อตรวจสอบเอกสารทางการศึกษาของคุณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะส่งเอกสารของคุณไปที่ UHR เพื่อให้พวกเขาสามารถประเมินระดับการศึกษาของคุณได้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับระดับปริญญาของคุณได้ก่อนที่คุณจะทำการสมัคร การคิดเครดิต https://www.scholaro.com/gpa-calculator/Sweden

เมื่อส่งใบสมัคร จะต้องแสดงจดหมายที่อนุญาตให้สภาการอุดมศึกษาแห่งสวีเดน (UHR) ติดต่อสถาบันการศึกษาของคุณเพื่อตรวจสอบเอกสารทางการศึกษาที่ส่งมา (ดาวน์โหลดหนังสือยินยอม)

***การทำประกันสุขภาพแบบครอบคลุมคืออะไร?
การประกันสุขภาพแบบครอบคลุมเป็นประกันที่ครอบคลุมการดูแลฉุกเฉินและการรักษาพยาบาลอื่นๆ การรักษาในโรงพยาบาลในสวีเดน การดูแลทันตกรรม และการส่งตัวกลับประเทศไทยด้วยเหตุผลทางการแพทย์ สิ่งสำคัญคือต้องมีหลักฐานว่าการประกันนั้นใช้ได้ตลอดระยะเวลาพำนักในสวีเดน

รายชื่อเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการยื่นขอวีซ่าเพื่อหางานทำในสวีเดนมีดังนี้ค่ะ

  • สำเนาดิจิทัลของหน้าหนังสือเดินทางของคุณที่แสดงข้อมูลส่วนบุคคล ภาพถ่าย ลายเซ็น หมายเลขหนังสือเดินทาง ประเทศที่ออก อายุการใช้งาน แสตมป์เข้าประเทศ และหากคุณได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศต้นทางของคุณ(อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ สำเนาจะต้องมีลักษณะเช่นนี้)
  • สำเนาดิจิทัลของใบรับรองจบการศึกษา (digital copies of examination certificate)
  • สำเนาดิจิทัลของผลการเรียนอย่างเป็นทางการของบันทึกการศึกษาที่แสดงหลักสูตรที่รวมอยู่ในการศึกษาของคุณ
  • สำเนาดิจิทัลของใบแจ้งยอดธนาคารหรือเอกสารอื่นๆ แบบดิจิทัลที่แสดงว่าคุณมีเงินทุนเพียงพอที่จะเลี้ยงดูตนเองในช่วงเวลาที่คุณใช้วีซ่าอยู่ในสวีเดน หากจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางหรือเทียบเท่าเพื่อนำเงินออกจากประเทศของคุณ คุณต้องรวมใบอนุญาตดังกล่าวด้วย
  • สำเนาดิจิทัลของเอกสารที่แสดงว่าคุณมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมซึ่งใช้ได้กับการดูแลในสวีเดน
  • สำเนาดิจิทัลของหนังสือยินยอมที่ลงนามซึ่งให้สิทธิ์แก่สภาการอุดมศึกษาแห่งสวีเดน (UHR) ในการติดต่อสถาบันอุดมศึกษาในประเทศบ้านเกิดของคุณเพื่อตรวจสอบเอกสารการศึกษาของคุณ (ดาวน์โหลดหนังสือยินยอม)

ข้อควรทราบ: 

สวีเดนไม่อนุญาตให้นำสมาชิกในครอบครัวมาด้วยในวีซ่าประเภทนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณหางานทำได้ คุณสามารถยื่นขอวีซ่าทำงาน (Work Permit Visa) ซึ่งจะทำให้สมาชิกในครอบครัวสามารถเข้าร่วมกับคุณในสวีเดนได้ 

ก่อนส่งใบสมัคร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในเอกสารที่คุณแนบนั้นมองเห็นชัดเจน ข้อมูลสำคัญเช่นชื่อของคุณต้องปรากฏในเอกสาร เอกสารควรแปลเป็นภาษาสวีเดนหรือภาษาอังกฤษโดยนักแปลที่มี License หากออกเป็นภาษาอื่น ควรแนบเอกสารที่แปลแล้ว นอกจากนี้ควรแนบสำเนาเอกสารต้นฉบับไว้เสมอ (เช่น หลักฐานประกันสุขภาพ ใบแจ้งยอดจากธนาคาร ฯลฯ)
คุณต้องมีหนังสือเดินทางที่ถูกต้อง
ส่งสำเนาหน้าในหนังสือเดินทางของคุณที่แสดงข้อมูลส่วนบุคคล ภาพถ่าย ลายเซ็น หมายเลขหนังสือเดินทาง ประเทศที่ออก อายุการใช้งานอย่างชัดเจน และหากคุณได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องมีหน้าหนังสือเดินทางฉบับเต็มอยู่บนสำเนา ตัวเลขและอักขระที่ด้านบนสุดและด้านล่างสุดของหน้าต้องมองเห็นได้ชัดเจน หนังสือเดินทางจะต้องถูกต้องตามเวลาที่คุณจะอยู่ในสวีเดนด้วยนะค่ะ ดูตัวอย่าง คุณต้องแนบสำเนาหน้าในหนังสือเดินทางของคุณซึ่งแสดง

คุณต้องส่งแบบฟอร์มและเอกสารแนบที่สถานทูตสวีเดนหรือสถานกงสุลใหญ่ในประเทศที่คุณพำนัก หากไม่สามารถสมัครในประเทศของคุณได้ คุณต้องสมัครที่สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ที่อยู่ใกล้กับประเทศที่คุณอาศัยอยู่มากที่สุด ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ก่อนส่งใบสมัครของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม 

หากคุณสมัครที่สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ คุณต้องชำระค่าธรรมเนียมเมื่อส่งใบสมัครของคุณ ณ ที่นั้น สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม ให้ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลนั้น เนื่องจากแต่ละที่ค่าธรรมเนียมจะไม่เหมือนกันเพราะบางที่เป็น Agency ตรวจสอบสถานทูตสวีเดนที่ www.swedenabroad.se

***หากสมัครใน e-service ไม่ได้ คุณควรกรอกแบบฟอร์มใบอนุญาตนี้ แบบฟอร์มที่นี่  และสามารถชำระค่าธรรมเนียมการสมัครด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตได้

การตัดสินใจ
หากคุณได้วีซ่า คุณจะได้รับบัตร Residence Permit Card เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณได้วีซ่าให้อยู่ในสวีเดนเพื่อหางานหรือเริ่มธุรกิจและบัตร Residence Permit Card จะมีลายนิ้วมือและรูปถ่ายของคุณรวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ด้วยนั้นเองค่ะ

***โปรดทราบว่าคุณต้องสมัครและรับใบอนุญาตก่อนเดินทางไปสวีเดน 

หากคุณได้งานในสวีเดนหรือเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง
ในช่วงที่มีวีซ่าหางาน สวีเดนจะไม่อนุญาตให้ทำงาน แต่ถ้าคุณหางานได้แล้ว คุณต้องยื่นขอใบอนุญาตหรือวีซ่าทำงาน (Work Permit VISA) ก่อนเพื่อที่จะเริ่มทำงานได้นั้นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเริ่มทำงานได้ทันทีหลังจากที่ยื่นคำขอใบอนุญาตหรือวีซ่าทำงาน (Work Permit Visa) 

NOTE: คุณจะต้องหางานในวิชาชีพที่คุณได้ยื่นขอใบอนุญาตหรือวีซ่าหางานเท่านั้นนะคะ


English Version

Looking to move to Sweden but don’t have a job offer yet? Thanks to the new Swedish job seeker visa, for highly quali­fied persons to look for work or start a busi­ness, can enter Sweden for minimum 3 months and up to 9 months to look for employment or start your own business. 

Let’s have a look at the requirements below

New requirements for jobseeker visa application

  • You need to have an advanced degree (master’s degree, PhD, advanced vocational degree/professional degree)
  • Have the intention of seeking employment or looking into the possibility of starting your own business in Sweden
  • Be able to support yourself financially during the entire residence period (at least SEK13,000 (US$ ~1,275+) per month)
  • Have a comprehensive health insurance
  • Have a passport that is valid for the entirety of the intended stay
  • Be located outside of Sweden
Note: It is not possible to bring any family members with you on this permit. However, if you find employment you can apply for a work permit which will allow family members to join you in Sweden. It is not permitted to work on the job seeker permit. If you find employment you need to apply for a work permit in order to start working. However, you are permitted to start working immediately after the work permit application has been submitted (you do not need to wait for it to be approved).

What counts as a comprehensive health insurance?
A comprehensive health insurance is one that covers emergency care and other medical care, hospitalisation, dental care, and repatriation for medical reasons. Generally, a good and comprehensive travel insurance will cover these things. It is important to have proof that the insurance is valid for the entire residence period.

Requi­re­ments for using the e-service In order to make an application, you will need

  • digital copies of the pages in your passport that show your personal data, photo, signature, passport number, issuing country, period of validity, entry stamps and if you have permission to live in countries other than your country of origin (read more about what the copies must look like)
  • digital copies of examination certificate
  • digital copies of official transcript of academic record that shows the courses included in your education
  • digital copies of bank statements or other documents showing that you have sufficient funds to support yourself during the period for which you are applying for a residence permit. If permission from a central bank or the equivalent is required to take out the money from your country, you must include such a permit
  • digital copies of documents showing that you have comprehensive health insurance that is valid for care in Sweden
  • digital copy of a signed letter of consent that gives the Swedish Council for Higher Education (UHR) the right to contact higher education institutions in your home country to verify your educational documents (download letter of consentPdf, 1.3 MB, opens in new window.)
  • be able to pay any fee for the application by credit card or debit card.
You may need to trans­late some docu­ments If your examination certificate and official transcript are issued in a language other than Swedish or English, they have to be translated into Swedish or English. The translation must be done by an authorised translator. Enclose copies of the original documents and the translated documents to your application

Before you complete your appli­ca­tion

Make sure that the information on the documents you attach is clearly visible. Important information such as your name must appear in the documents. The documents should also be translated into Swedish or English by an authorised public translator, if they are issued in another language. When attaching a translated document, you should always provide a copy of the original document. The documents should be as recently issued as possible (proof of insurance, bank statements and any translations). You must have a valid passport

Send copies of the pages in your passport that show personal data, photo, signature, passport number, issuing country, period of validity and if you have permission to live in countries other than your home country. It is important that the full passport pages are present on the copies. Numbers and characters at the very top and bottom of the pages must also be clearly visible. The passport must be valid for the time that you will be in Sweden.

You must enclose copies of the pages in your passport which show:

  • personal data
  • period of validity
  • country of issue
  • signature
  • if you are authorised to live in countries other than your country of origin.
If you can not apply in the e-service, fill the form here Application Form
You must submit the form and attached documents at a Swedish embassy or consulate-general in your country of residence. If it is not possible to apply in your country, you must apply at the embassy or consulate-general that is closest to the country where you live. Contact the embassy or consulate-general before submitting your application for more information. If you are applying at an embassy or a consulate-general you pay the fee when handing in your application. For information regarding the fee, contact the embassy in question or the consulate as they do not follow the same fee regulations as the Swedish Migration Agency.

Once we have received your appli­ca­tion
Once you have submitted an application for a residence permit, the Swedish Migration Agency takes a decision about the case. The permit may be granted for a minimum of three months and for no more than nine months

After the deci­sion
If you get a permit for more than three months, you will receive a residence permit card. The card is proof that you have permission to be in Sweden and contains your fingerprints and a photo of you, among other information. 

If you do not need an entry visa, you should make an appointment to provide fingerprints and be photographed after arriving in Sweden. However, please note that you need to apply for and receive your permit before you travel to Sweden. 

***If you have been granted a residence permit to seek employment or investigate the conditions for starting a business, you are not allowed to work while you are in Sweden.

If you get a job in Sweden or start your own busi­ness
If you get a job in Sweden during the permit period, you can apply for a work permit from within the country. You are not allowed to start working before you have applied for the new permit (work permit). 

Once you have applied for a work permit, you will be able to work while the Swedish Migration Agency processes your new application. You are only allowed to work for the employer and in the profession for which you have applied for a permit. 


Sunday, 7 August 2022

Vernissage - My 1st Fashion Launch,Stockholm Sweden (Thai Designer)

 




Now my new collection , it's starting to come together. I was thinking about my 1st time launching my brand in Sweden. Small but Cozy!!! Alright Annie!!!! You can do it. See you soon!

ตอนนี้ Collection ใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว คิดถึงตอนที่ Launch ครั้งแรก "งาน Launch แบรนด์ของแอนในสวีเดน เล็กๆแต่อบอุ่น" โอเค แอนนี่!!!! เราต้องทำได้ See you soon Stockholm!


Wednesday, 3 August 2022

Do you? and are you? แตกต่างกันอย่างไร




Do you?

Do you? ใช้ถามถึง

- สิ่งที่คุณทำ (โดยปกติ ทั้วไป)

- กิจกรรมที่ทำ (โดยปกติ ทั้วไป)

- สิ่งที่มี

พูดง่ายๆ “Do you” ก็คือจะหมายถึงสิ่งที่คุณทำ,สิ่งที่เรามีหรือสิ่งที่เราทำ เช่น ร้องเพลง, เต้น , กิน และผู้ถาม “Do you” ถามสิ่งที่กระทำที่เป็นข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นและเป็นความจริงตามที่พูด (The speaker is asking for actions that are facts or opinions and are true as we speak.) เราก็แค่จำโครงสร้างประโยคเท่านั้นเองค่ะ

โครงสร้างประโยคก็คือ  Do you + กริยาช่องที่ 1 (infinitive verb) 

กริยาช่องที่ 1 (infinitive verb) เช่น พวก action words  อย่างเช่น eat, sleep, dance, play ฯลฯ

ตัวอย่างประโยค

Do you eat breakfast?
คุณกินข้าวเช้ามั้ย

Do you play tennis?
แอนเล่นเทนนิสมั้ย

Do you have a car?
แอนมีรถมั้ย

หากเรายังไม่แน่ใจว่าจะใช้ "Do you?" หรือ "Are you?" เราสามารถสร้างประโยคบอกเล่าก่อนก็ได้ เช่น ถ้าจะถามใครสักคนว่ากินสปาเก็ตตี้หรือเปล่า ประโยคบอกเล่าคือ 

You eat spaghetti. 
คุณกินสปาเก็ตตี้

โดยปกติประโยคบอกเล่าจะมี v.to do ซ่อนอยู่ ซึ่งรูปประโยคก็คือ You (do) eat spaghetti. จะทำให้เป็นประโยคคำถามก็แค่เอา "Do" มาไว้หน้า "you" นั้นเองค่ะ

ตัวอย่างประโยค

You (do) eat spaghetti. คุณกินสปาเก็ตตี้ 
Do you eat spaghetti? 
คุณกินสปาเก็ตตี้ไหม

You (do) sing.
 คุณร้องเพลง 
Do you sing? คุณจะร้องเพลงไหม

You (do) read books. คุณอ่านหนังสือ 
Do you read book? คุณอ่านหนังสือไหม

Are you?

Are you? ถ้าเราไม่รู้ไวยกรณ์หรือ Tenses เลย "Are you?" จะมีวิธีการใช้ 3 แบบในการจำ

แบบที่ 1:ใช้ถามในสิ่งที่คุณเป็นอย่างเช่น  ป่วย , หิว, โกรธ, เครียด, ดีใจ, รวย, จน, สูง, เตี้ย ฯลฯ

โครงสร้างประโยคก็คือ  Are you + คำคุณศัพท์ (adjective)?

ตัวอย่างประโยค

Are you sick?
คุณไม่สบายหรือเปล่า

Are you rich?
คุณรวยไหม

Are you mad?
คุณโกรธไหม

Are you sad?
คุณเศร้าไหม

แบบที่ 2: ใช้ถามสิ่งที่เป็นตัวตน (identity) หรือ อาชีพ เช่น  คุณครู,   นักร้อง,  วิศวะ,  นักแสดง ฯลฯ

โครงสร้างประโยคก็คือ  Are you + คำนาม (noun)?

ตัวอย่างประโยค

Are you a teacher?
คุณเป็นคุณครูใช่ไหม

Are you an engineer?

คุณเป็นวิศวกรใช่ไหม?

Are you a singer?
คุณเป็นนักร้องใช่ไหม?


แบบที่ 3:  ใช้ถามในสิ่งที่กำลังทำ ณ เวลานั้น เช่น กำลังกวาดบ้าน , กำลังอ่านหนังสือ, กำลังทำกับข้าว ฯลฯ 

โครงสร้างประโยคก็คือ Are you + กริยาที่เติม -ing (v-ing)? 

ตัวอย่างประโยค

Are you working now?

ตอนนี้คุณกำลังทำงานอยู่ไหม

Are you cooking at home?
คุณกำลังทำอาหารที่บ้าน

Are you playing tennis?
คุณเล่นเทนนิสอยู่หรือเปล่า


Note: Do you work? vs. Are you working?

"Do you" ถามเกี่ยวกับสถานะทั่วไปหรือสิ่งที่ทำ "Do you work?" ก็จะหมายความว่า คุณทำงานไหม ถ้าทำก็คือ I work. ถ้าไม่ทำคือ I don't work. 

ในขณะที่ "Are you working?"  จะหมายความว่าช่วงเวลา ณ ตอนนี้ที่ถูกถามว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่า นั้นเองค่ะ


Monday, 1 August 2022

แสลง "小三" กิ๊กจีน /ภรรยาน้อย /มือที่สาม




小三 (xiǎo sān) เป็นคำศัพท์หรือวลีใหม่ฮิตติดเทรนด์ที่ถูกสร้างขึ้น หรือดัดแปลงเพื่อมาใช้ในชีวิตประจำวันและจะใช่ในภาษาพูดส่วนใหญ่

1. ภรรยาน้อย (mistress, home wrecker)

2. ผู้หญิงอีกคน, กิ๊ก (the other woman)

3. ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (3rd grade in elementary school)

ความหมายแสลง小三  ถือว่าเป็นภรรยาน้อยหรือกิ๊ก แบบแอบ ๆ ซ่อน ๆ  โดยที่ฝ่ายภรรยาหรือสามีไม่ได้รับรู้และแน่นอนไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจด้วยค่ะ

สรุปง่ายๆคือ บุคคลภายนอกที่มีอิทธิพลต่อการแต่งงานของผู้อื่นก็คือ 小三 (xiǎo sān) นั้นเองค่ะไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง "女小三" หรือ ผู้ชาย "男小三" 

ตัวอย่าง (例句)

他抛妻弃子搬去和小三住了。
(Tā pāo qī qì zi bān qù hé xiǎosān zhùle.)

He left his wife and child and moved in with the other woman.
เขาทิ้งภรรยาและลูกและย้ายไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น 

我不会当小三的。
(Wǒ bù huì dāng xiǎosān de.)

I am not going to be the other woman. 
ฉันจะไม่เป็นเมียน้อย


指破坏别人家庭的人,可以是女小三、也可以是男小三。
(Zhǐ pòhuài biérén jiātíng de rén, kěyǐ shì nǚ xiǎosān, yě kěyǐ shì nán xiǎosān.)
A person who is blamed for the breakup of a marriage or family, especially due to having engaged in an affair with one member of a couple
คคลที่ถูกตำหนิสำหรับการเลิกกันของการแต่งงานหรือครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากการมีชู้กับสมาชิกคนหนึ่งของคู่สมรส


我直到现在都不敢相信他有小三。
(Wǒ zhídào xiànzài dōu bù gǎn xiāngxìn tā yǒu xiǎosān.)
I even can't believe that he has a mistress till now.
ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเขามีเมียน้อยจนถึงตอนนี้


当你的婚姻出现了小三 小四小五, 你怎么办呢?
(Dāng nǐ de hūnyīn chūxiànle xiǎosān xiǎo sì xiǎo wǔ, nǐ zěnme bàn ne?)
If you get married and discover 1st mistress, 2nd or 3rd mistresses, what will you do?
ถ้าคุณแต่งงานแล้วเจอเมียน้อยคนที่ 1 คนที่ 2 หรือ 3 คุณจะทำอย่างไร?


ลองมาดูคำที่มีความหมายเหมือนหรือคล้ายกับคำว่า 小三 (xiǎo sān) กันค่ะ  

1. 第三者 (dìsānzhě) - (literally, "the third party") (名词คำนาม)

第三者 (dìsānzhě)  พูดงายๆคำนี้หมายความว่า "บุคคลที่สาม / มือที่สาม" นั้นเองค่ะ

ตัวอย่าง (例句)

我讨厌我是第三者这个事实
(Wǒ tǎoyàn wǒ shì dì sān zhě zhège shìshí.)

I hate the fact that I'm a home wrecker. 
ฉันเกลียดความจริงที่ว่าฉันเป็นคนทำลายบ้าน (มือที่สาม)

2. 情妇 (qíngfù) - mistress / paramour (of married man) (名词คำนาม)

情妇 (qíngfù) ภาษาไทยก็คือ "ชู้"

ตัวอย่าง (例句)

检察官说,他想杀死妻子,以获得她的财产,自由地与情妇结婚。
(Jiǎnchá guān shuō, tā xiǎng shā sǐ qīzi, yǐ huòdé tā de cáichǎn, zìyóu de yǔ qíngfù jiéhūn.)

Prosecutors said he wanted to get rid of his wife to inherit her wealth and to be free to marry his mistress.
อัยการกล่าวว่าเขาต้องการกำจัดภรรยาของเขาเพื่อเอาสมบัติของเธอและมีอิสระที่จะแต่งงานกับชู้ของเขา


3. 外遇 (wàiyù) - a love affair (名词คำนาม)

外遇 (wàiyù) ภาษาไทยก็คือ "การมีชู้"

ตัวอย่าง (例句)

他的妻子有外遇。
(Tā de qīzi yǒu wàiyù.)

His wife is having an affair.
ภรรยาของเขากำลังมีชู้


4. 出轨 (chūguǐ) (动词 กริยา)

外遇 (wàiyù) ภาษาไทยก็คือ "เป็นชู้"

ตัวอย่าง (例句)

我男朋友跟我闺蜜出轨了,这世界太荒唐了!
(Wǒ nán péngyǒu gēn wǒ guīmì chūguǐle, zhè shìjiè tài huāngtángle!)

My boyfriend has an affair with my bestie, what a ridiculous world!
แฟนฉันมีความสัมพันธ์กับเพื่อนซี้ของฉัน ช่างเป็นโลกที่น่าขันจริงๆ!


Popular Post